ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ปราการหลังทีมชาติเดนมาร์กที่ ราฟา เบนิเตซ คว้าตัวมาจาก บรอนด์บี้ ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคมปี 2006

แอ็กเกอร์ เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งในทีมเยาวชนกับ ฮวิดอร์ฟ ก่อนที่ตอนอายุ 12 เขาจะถูก บรอนด์บี้ ทีมดังของเดนมาร์กดึงตัวไปร่วมทีมด้วย

ในปี 2004 แอ็กเกอร์ ก็ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของบรอนด์บี้ได้สำเร็จ และ ก็ถือว่าแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับทีมดังแห่งแดนโคนมหลังได้จับคู่กับ เพอร์ นีลเซ่น ปราการหลังตัวเก๋ากัปตันทีม โดยแอ็กเกอร์ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และ พัฒนา ฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วจนได้รับการเลือกให้เป็นดาวรุ่งยอดยี่ยมแห่งปีของเดนมาร์ก ประจำปีนั้นด้วย

เพียงแค่ฤดูกาลแรกในทีมชุดใหญ่ แอ็กเกอร์ ก็คว้าดับเบิ้ลร่วมกับ บรอนด์บี้ ได้สำเร็จ ทั้ง เดนิช ซูเปอร์ลีกา และ เดนิช คัพ พร้อมกับการถูกเรียกไปติดทีม ชาติเดนมาร์กชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่ชนะ ฟินแลนด์ 1-0 เมื่อ 2 มิถุนายน 2005

แอ็กเกอร์ยังอยู่ในม้านั่งสำรองในเกมที่ เดนมาร์ก พบกับ อังกฤษ ก่อนจะถูกส่ง สนามไปประกบ เวย์น รูนี่ย์ ที่กำลังสร้างชื่อในเวลานั้นด้วย โดย แอ็กเกอร์มาทำ ประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จในเกมพบกับ จอร์เจีย ในเกมคัดเลือกฟุตบอล โลก

ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมตลอดมาของ แอ็กเกอร์ นี่เองทำให้ ราฟา เบนิเตซ จัดการคว้าตัวเขามาอยู่กับลิเวอร์พูลในฐานะเซนเตอร์ฮาล์ฟแห่งอนาคต พร้อมกับ ทำสถิติเป็นแข้งเดนมาร์กที่ค่าตัวแพงที่สุดที่ย้ายออกมานอกประเทศ และ ก่อนจะ ได้ย้ายมาอยู่กับหงส์แดง แอ็กเกอร์ ยังได้รับ เลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม แห่งปีเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันเป็นการทิ้งทวนด้วย

ฤดูกาลแรกของ แอ็กเกอร์ กับ ลิเวอร์พูลไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะเขามี อาการบาดเจ็บจนทำให้ได้ลงสนามให้ทีมใหม่ไปเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในช่วงปิดฤดูกาลนั้น แอ็กเกอร์ เรียกความฟิตกลับมา และ มีชื่อติด อยู่ในทีมชาติเดนมาร์ก ยู 21 ลงทำศึกชิงแชมป์ยุโรปรอบสุดท้ายด้วย

แอ็กเกอร์ กลับมาลงสนามแบบเต็ม 90 นาทีในเกมที่ทีมหงส์แดงคว้าแชมป์ คอมมูนิตี้ ชีลด์ 2006 แต่ในฤดูกาลปกติ แอ็กเกอร์ ยังไม่ใช่ตัวเลือกอย่างถาวร ของ เบนิเตซ เพราะในทีมหงส์แดงยังมี เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ ซามี่ ฮูเปีย ยืนขวางทางอยู่

อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม แอ็กเกอร์ ก็พร้อมที่จะทำผลงานให้ดีที่สุด เขามาประตูแรกในสีเสื้อหงส์แดงได้จากลูกยิงไกลกว่า 35 หลาในเกมพบกับ เวสต์แฮม จนได้รับเลือกจากรายการ แมทช์ ออฟ เดอะ เดย์ ให้เป็นประตูยอด เยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมเลยทีเดียว โดยบอสใหญ่ ชาวสเปน ให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่แปลกใจเลยที่เห็นการทำประตูแบบนั้น เพราะแอ็กเกอร์มักจะโชว์จุดเด่นนี้ ให้เห็นบ่อยๆ ในการซ้อม

แอ็กเกอร์ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน 2006 หลังจาก ที่เขาได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง และ ช่วยให้ทีมหงส์แดงมีเกมรับ ที่แข็งแกร่ง

แอ็กเกอร์มีโอกาสได้ลงสนามรับใช้ทีมหงส์แดงไปมากถึง 43 เกมในฤดูกาล 2006-07 และยังมีส่วนพาลิเวอร์พูลลุยไปถึงนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย แต่น่าเสียดายที่เกมนี้ทีมหงส์แดงพลาดท่าโดน เอซี มิลาน แก้แค้นกลับ 1-2

ฤดูกาลต่อมาถือเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากที่สุดของแอ็กเกอร์ เพราะได้ลงสนาม ไปให้ทีมเพียงแค่ 6 เกมจากทุกถ้วยเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ พักรักษาอาการบาดเจ็บที่ฝ่าเท้า ซึ่งหนักถึงขนาดต้องเข้ารับการผ่าตัด

ฤดูกาล 2008-09 แอ็กเกอร์ เรียกความฟิตกลับมาได้ทันก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ และ ก็ได้กลับมาสู่ทีมอีกครั้งในเกมรอบคัดเลือกกับ สตองดาร์ ลีแอช จนเจ้าตัวถึง กับประกาศว่านี่คือการเริ่มต้นใหม่ของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ทีเดียว

แต่แล้วหลังจากได้เล่นเต็มเกมในนัดนั้น แอ็กเกอร์ ก็หลุดไปจากทีมดื้อ ๆ หนึ่ง เดือนเต็ม โดย ราฟา เบนิเตซ ให้เหตุผลว่าเขามีสภาพความฟิตไม่ถึง ซึ่งนั่นทำให้ เขาพลาดการมีส่วนร่วมกับเกมที่พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย พร้อมกับมีข่าวลือว่า แอ็กเกอร์ นั้นเริ่มไม่กินเส้นกับนายใหญ่ แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็ได้รับการออกมา เคลียร์ โดยบอสชาวสเปนว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น

หลังจากไม่ได้ลงสนามเป็นเดือน แอ็กเกอร์ ถูกเรียกตัวกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ กับ ครูว์ อเล็กซานดร้า เกมนี้เขาได้เล่นครบ 90 นาที แถมยังทำ ประตูต้อนรับการกลับมาสู่สนามของตัวเองได้อีกด้วย

และจากอาการบาดเจ็บของ มาร์ติน สเคอร์เทล ทำให้ แอ็กเกอร์ ได้ลงสนาม ต่อเนื่องในเกมพรีเมียร์ลีกกับ วีแกน นัดต่อมา แต่เกมนี้เขาพลาดท่าให้เสีย บอล ให้นักเตะวีแกนหลุดไปทำประตูนำ อย่างไรก็ตาม แอ็กเกอร์ ก็มาแก้ตัวได้สำเร็จ ด้วยการยิงประตูชัยช่วยให้ทีมเฉือนในท้ายเกม 3-2

แอ็กเกอร์ค่อยๆ เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาเรื่อย ๆ จนคว้าโอกาสลงสนาม ช่วยทีมอย่างสม่ำเสมอ ในฤดูกาลนั้นเขาจบฤดูกาลด้วยการลงสนามไปทั้งหมด 26 เกมยิงไป 2 ประตูจากทุกถ้วย และในช่วงซัมเมอร์ปีนั้นเอง ทีมหงส์แดงตอบแทน ความทุ่มเทของ แอ็กเกอร์ ด้วยการยื่นสัญญาใหม่ 5 ปีให้เซ็น

ฤดูกาล 2009-10 แอ็กเกอร์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่แผ่นหลัง ทำให้พลาดเกม ในช่วงเปิดฤดูกาลใหม่ไป แต่ก็กลับมาลงสนามได้ทันในเกมสำคัญกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

แอ็กเกอร์ผ่านการลงสนามครบ 100 นัดให้กับลิเวอร์พูลในเกมที่ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2010 จากนั้นปราการหลังเดนส์ได้ลงสนามอีก 14 นัดทั้งในพรีเมียร์ลีก และ เกมยุโรป ก่อนที่จะโชคร้ายพักยาวไปอีกครั้ง เพราะ อาการบาดเจ็บ แต่แอ็กเกอร์ก็มีสถิติลงสนามที่ไม่เลวนักในฤดูกาลนี้ เพราะได้ สัมผัสเกมไปถึง 36 เกม

แอ็กเกอร์ติดทีมชาติเดนมาร์กไปลุยฟุตบอลโลก 2010 ด้วย ซึ่งถือเป็นรายการ ใหญ่ครั้งแรกของเขาเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เดนมาร์กนั้นตกรอบแรก

และเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แอ็กเกอร์ เกือบจะกลายเป็นส่วนเกินของหงส์แดง เนื่องจากเขาไปวิจารณ์การทำทีมของ รอย ฮอดจ์สัน บอสใหญ่เวลานั้น จนกลาย ไปเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง ถึงขนาดมีข่าวลือว่าเขาจะโดนขายไปให้ทีม ในเยอรมัน แต่สุดท้าย แอ็กเกอร์ ประกาศพร้อมอยู่สู้เพื่อตำแหน่งในถิ่นแอนฟิลด์ ต่อไป

แอ็กเกอร์มาได้รับบาดเจ็บในเดือนธันวาคม และ คัมแบ็คกลับมาอีกครั้งในช่วงที่ เคนนี่ ดัลกลิช ก้าวเข้ามาคุมทีมแทนในเดือนมกราคม 2011 พอดี

แอ็กเกอร์ ถูก ดัลกลิช เรียกมาใช้งานเป็นขาประจำในทีม แต่ไม่ใช่ในตำแหน่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟ เนื่องจากในเวลานั้นตำแหน่งแบ็คซ้ายเป็นที่ขาดแคลน แอ็กเกอร์ เลยต้องรับบาทแบ็คซ้ายจำเป็น ซึ่งเจ้าตัวก็แฮปปี้ดีเพราะทำให้เขามีโอกาส กลับมาเล่นอย่างสม่ำเสมออีกครั้ง

แต่อาการบาดเจ็บก็ยังตามมารบกวนแอ็กเกอร์อีกครั้ง โดยในเกมที่พบกับ เวสต์บรอมวิช เขาปะทะกับนักเตะของเดอะ แบ็กกี้ ทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักที่เข่า จนทำให้ฤดูกาบของเขาต้องปิดฉากลงก่อนเวลาอันควร

แม้จะดูเหมือนแอ็กเกอร์จะเป็นนักเตะที่กระดูกเปราะ แต่ทว่าเจ้าตัวเองก็ยังมุ่งมั่น และ ไม่ยอมแพ้กับการเรียกควาฟฟิตเพื่อกลับมาเป็นตัวเลือกที่ดีของหงส์แดง อีกครั้ง

และดูเหมือนแอ็กเกอร์ จะทำได้จริงๆ เพราะในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา แอ็กเกอร์ โชว์ให้เห็นถึงสภาพร่างกายของเขาที่ปราศจากอาการบาดเจ็บรบกวน ลงช่วยทีมในปรีซีซั่นครบเกือบทุกนัด แถมยังทำ 2 ประตูให้กับตัวเองและทีมได้ ในเกมที่พบกับ วาเลเรนก้า เมื่อ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมาด้วย