8. Steven Gerrard
สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
Steven Gerrard
ตำแหน่ง : กองกลาง ,ปีกขวา
เกิด : 30 พฤษภาคม 1980
สถานที่ิเกิด : วิสตัน ,อังกฤษ
สูง : 183 ซม. หนัก : 83 กก.
สัญชาติ : อังกฤษ
หมายเลขเสื้อ : 8
สโมสรก่อนหน้านี้ : -

สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมไดนาโม หนึ่งในผู้เล่นความสามารถสูง ของลิเวอร์พูลยุคใหม่ และขวัญใจแฟน ๆ

เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูลผู้นี้ถือเป็นแรงบันดาลใจของนักฟุตบอลทั่วโลก ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เคยท้อถอย มีความมุ่งมั่นต่อเกมตลอดเวลา ทำให้เขาแทบ จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมลิเวอร์พูล

ด้วย ความเป็นหัวใจนักสู้และควาสามารถอันยอดเยี่ยมของ เจอร์ราร์ด เขาช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จในปี 2005 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลเครื่องราชย์ MBE จากสมเด็จพระราชินี เอลิซาเบ็ธ อีกด้วย

ในอดีต ตอนอายุ 9 ปี เจอร์ราร์ดฉายแววโดดเด่นแล้วกับสโมสร วิสตัน จูเนียร์ หลังจากนั้นอีก 8 ปี เขาก็เซ็นสัญญามาเป็นนักเตะอาชีพกับลิเวอร์พูล

เจอร์ราร์ดใช้เวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น ก็สามารถก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ในยุคของ เชราร์ อุลลิเย่ร์ได้ โดยได้ลงสนามเกมแรกในนัดปะทะกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ หลังจากนั้นเขาก็แทรกตัวเองขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด

ผลงานระดับชาติ เจอร์ราร์ดติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนต่ำกว่า 18 ปี และ 21 ปี ก่อนที่จะติดทีมชาติชุดใหญ่ในแมทช์พบกับ ยูเครน นอกจากนี้ เขาก็ติดทีมชาติ ไปลุยศึกยูโรปี 2000 ที่ฮอลแลนด์-เบลเยี่ยม เป็นเจ้าภาพด้วย

เจอร์ราร์ด เป็นแกนหลักของทีมในการนำความสำเร็จมาสู่ทีมในปี 2001 ด้วยการ คว้า 3 แชมป์มาครองในปีเดียวของลิเวอร์พูล คงปฎิเสธไม่ได้ว่า เขามีส่วนสำคัญ มากขนาดไหน โดยเฉพาะประตูในนัดชิงยูฟ่า คัพ กับ อลาเบส รวมถึงการโชว์ฟอร์ม ได้อย่างโดดเด่นตลอดฤดูกาล ทำให้ เจอร์ราร์ด คว้าตำแหน่งนักเตะฟุตบอล ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคม ในปีนั้น

แต่อาการบาดเจ็บในปีถัดมาทำให้ เจอร์ราร์ด พลาดไปลุยศึกฟุตบอลโลก แต่เขาได้รับรางวัลปลอบใจจากการพาทีมชนะเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกม เวิร์ธทิงตัน ลีก คัพ

ในฤดูกาล 2003-2004 เจอร์ราร์ด ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมต่อจาก ฮูเปีย หลังจากนั้น 6 เดือนเขาได้ทำหน้าที่นี้กับทีมชาติอังกฤษต่อจาก เดวิด เบ็คแฮม ในเกมอุ่นเครื่อง

ในปี 2005 เจอร์ราร์ด พาทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ในเกมส์นัดชิงชนะเลิศ ที่ทีมตามหลัง เอซี มิลาน 3 - 0 แต่ด้วยสปิริตอันแรงกล้า เขาก็พาทีมพลิกกลับมา เอาชนะได้สำเร็จในปีนั้น เขาได้รับการเสนอชื่อเขาชิงรางวัล บังลงดอร์ ในปีนั้นด้วย

หลังจากนั้น เจอร์ราร์ด ต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 4 ปี และ คว้าตำแหน่งนักเตะ ยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียง จอห์น บาร์นส์ เท่านั้นที่เป็น นักเตะ ลิเวอร์พูลที่เคยได้รับรางวัลนี้

เจอร์ราร์ด ถือเป็นกองกลางที่ทำประตูได้มาก สามารถทำประตูได้ทั้งลีก และเกมในบอลยุโรป ถึงแม้ ปี 2006 เขาจะพลาดจุดโทษให้ทีมชาติอังกฤษ พ่ายโปรตุเกส ตกรอบฟุตบอลโลก

อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ด ก็ยังถูกคาดหวังจากแฟน ๆ ให้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ หลังจากที่ เดวิด เบ็คแฮม หลุดจากทีมชาติไป

เจอร์ราร์ด ทำลายสถิติการยิงประตูของ เอัยน รัช กองหน้ารุ่นพี่ ในเกมยุโรป ที่เคยทำไว้ โดยเขายิงประตูที่ 15 ได้ในเกมปะทะ พีเอสวี ในเดือน ธันวาคม 2006 และ หลังจากนั้นเขาก็ต่อสัญญากับทีมไปอีก 4 ปี

แม้ทีมชาติอังกฤษของเขาจะพลาดการไปลุยศึกยูโร 2008 แต่สำหรับ เจอร์ราร์ด ฤดูกาล 2007-2008 ก็ยังถือเป็นฤดูกาลที่น่าประทับใจ และ น่าจดจำ หลังจากทำประตูได้ถึง 21 ประตู การประสานงานกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส จนได้รับฉายาว่า คู่หูพลังจิต รวมถึงการพาทีมชนะคว่ำ อาร์เซน่อล ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ