����� โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เหมาคนละเม็ด ก่อนปิดท้ายที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โขกจมตาข่ายพา "หงส์แดง" บุกถล่ม ปอร์โต้ 4-1 รวมผลสองนัดเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 6-1 เข้าไปพบกับ บาร์เซโลน่า ในรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
��� สนาม : เอสตาดิโอ โด ดราเกา (ผลนัดแรก ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0)
��� ปอร์โต้ ไม่มีทางเหลือเกมนี้ต้องเน้นยิงประตูสถานเดียวเพื่อโอกาสไล่ตีเสมอหลังเกมแรกบุกไปพ่ายให้ "หงส์แดง" ที่แอนฟิลด์ 0-2 ทำให้เกมนี้ แซร์โจ้ คอนไซเซา ต้องปรับแท็คติค ส่ง ยาซีน บราฮีมี่ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ มุสซ่า มาเรก้า และเฮซุส โกโรน่า ทั้งข่าวดีคือได้ เอคตอร์ เอร์เรร่า กัปตันทีมพ้นโทษแบนมาปั้นเกมตรงกลาง ส่วนแนวรับก็ยังได้ เปเป้ แนวรับวัยเก๋าช่วยบัญชาเกมรับ
��� ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ สถิติมาเยือนทีนี่ในช่วงหลังค่อนข้างดี เกมล่าสุดเมื่อปีที่แล้วบุกมาถล่มที่สนามแห่งนี้ถึง 5-0 แถมนัดแรกกุมความได้เปรียบมาก่อนหลังเอาชนะไปได้ 2-0 ทำให้ เกมนี้กุนซือชาวเยอรมันปรับเปลี่ยนผู้เล่นพัก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รวมทั้งนาบี เกอิต้า ไว้ข้างสนามเพื่อรักษาสภาพร่างกายไว้สุ้ในลีก ลุ้นแชมป์กับ แมนฯซิตี้ ต่อไป
��� โดยเกมรุกสามแนวรุกแดนหน้าส่ง ดิว็อค โอริกี้ ยืนหน้าเป้าแทนโดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ ขนาบข้าง ขณะที่แดนกลาง ฟาบินโญ่ ลงเชื่อมเกมร่วมกับ เจมส์ มิลเนอร์ และจอร์จินโย่ ไวนัลดุม ส่วนเกมรับได้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน พ้นโทษแบนมาประจำการยืนแบ็กซ้ายเหมือนเดิม
��� เปิดฉากแค่นาทีแรก เจ้าถิ่นเกือบได้ลุ้นก่อนเลยเมื่่อ เฮซุส โกโรน่า หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่บอลเหินสูงข้ามคานออกไป
��� ถัดมานาที 4 กาซียาส เปิดบอลยาวมาถึง มุสซ่า มาเรก้า ได้หวดเข้ากรอบแต่บอลยังไม่ผ่าน อลิสซอน จากนั้นอีกสามนาทีต่อมา ปอร์โต้ ได้เสียวหน้าปากประตูหงส์แดงอีก บอลจาก เปเป้ มาถึง มารเก้า อีกหนก่อนหมุนตัวหวดด้วยขวาแต่ดีที่ อลิสซอน ยังล้มตัวรับบอลไว้ได้
� เจ้าบ้านโหมบุกกระหน่ำเป็นชุด นาที 14 บอลจากด้านซ้าย อเล็กซ์ เตลเลส แบ็กซ้ายครอสบอลมาถึง มุสซ่า มาเรก้า ที่ยืนโล่งๆก่อนจะวอลเลย์ด้วยซ้ายไม่จับบอลพุ่งหลุดเสาแรกไปแบบได้เสียว
� แต่กลายเป็นแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ต้องเงียบกริบ หลังนาที 26 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดีดบอลไปให้ ซาดิโอ มาเน่ พุ่งเข้าชาร์จจิ้มบอลด้วยขวาสวนตัว กาซียาส เข้าประตูไป แม้ว่าผู้ช่วยผุ้ตัดสินจะยกธงล้ำหน้า แต่ ดานนี่ มัคเคลี่ เชิ้ตดำกลางสนามขอฟังทีมงาน VAR ก่อนจะกลับคำตัดสินให้ "หงส์แดง" ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 สกอร์รวมสองนัดตอนนี้ ลิเวอร์พูล นำโด่ง 3-0
�� กระนั้นเจ้าถิ่นก็ไม่ท้อ ยังดาหน้าบุกเหมือนเดิม นาที 29 หวิดได้ลูกตีเสมอเมื่อ เอแดร์ มิลิเตา ครอสบอลทางด้านขวามาให้ ยาซีน บราฮีมี่ วิ่งมากดด้วยขวาแต่บอลยังไม่พ้นตัว อลิสซอน เซฟช่วยทีมไว้ได้
���� นาที 40 เจ้าถิ่นได้ส่องเข้ากรอบอีกหน คราวนี้ เฮซุส โกโรน่า ได้บอลทางขวาก่อนลากตัดเข้าในกรอบผ่าน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก่อนสับไก่ยิงด้วยซ้ายแต่บอลยังพุ่งเข้าซอง อลิสซอน รับไว้ไม่มีปัญหา
��� ช่วงทดเจ็บนาที 45+3 "หงส์แดง" เกือบบวกเพิ่มอีกเม็ดหลัง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แหวกบอลเข้ามาแล้วครอสบอลมาเสาแรก เจมส์ มิลเนอร์ ตวัดด้วยขวาบอลเฉี่ยวเสาสองออกหลังไปหวุดหวิด
�� จบครึ่งแรก ปอร์โต้ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-1 สกอร์รวมสองนัด "หงส์แดง" นำห่าง 3-0
��� ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวเป็นคนแรกถอดเอา โอตาวินโญ่ ออกแล้วส่ง ฟรานซิสโก้ ซัวอาเรส ลงเล่นแทน เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงไปเล่นแทน ดิว็อค โอริกี้
�� นาที 54 เอคตอร์ เอร์เรร่า ได้บอลขึ้นทางขวาก่อนเปิดบอลมาเข้าหัว ฟรานซิสโก้ ซัวอาเรส ตัวสำรองที่เพิ่งลงไปขึ้นโขกกดลงพื้นแต่บอลหลุดกรอบไปแบบไม่มีลุ้น อีกสี่นาทีต่อมา เอร์เรร่า ได้กดนอกกรอบเต็มแรงบอลพุ่งเสาแรกแต่ยังไปตรงตัว อลิสซอน รับไว้ได้
� แม้นานๆจะบุกมาที แต่นาที 65 ทำเอาแฟนเจ้าถิ่นเซ็งอีกรอบ เมื่อมาเสียประตูที่สองให้ "หงส์แดง" จากจังหวะสวนกลับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายบอลทะลุเซ็นเตอร์แบ็กให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้ามาดวลกับ กาซียาส ก่อนเลือกยิงเสาแรกเข้าไปง่ายๆ ให้ ลิเวอร์พูล บุกมานำ 2-0 สกอร์รวมตอนนี้ทัพ "เร้ด แมชีน" นำโด่ง 4-0
� นาที 66 เจอร์เก้น คล็อปป ถอดเอา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ออกไปพักแล้วส่ง โจ โกเมซ ลงเล่นแทน
� ทว่า นาที 68 ปอร์โต้ มาได้ลูกตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 จนได้ จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย อเล็กซ์ เตลเลส เปิดบอลมากลางประตูให้ เอแดร์ มิลิเตา ขึ้นโขกบอลตุงตาข่ายไป รวมสองนัดไล่มา 1-4
� นาที 71 "หงส์แดง" เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงไปเล่นแทน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
� และเพียงแค่สองนาทีที่อยู่ในสนาม เฮนเดอร์สัน ก็โชว์สกิลจ่ายบอลแทงตัดแนวรับปอร์โต้ให้ มาเน่ หลุดเข้าไปก่อนแตะบอลหลบ อีเกร์ กาซียาส แต่จังหวะสุดท้ายดันหลักไม่ดีล้มตัวยิงด้วยขวาหลุดกรอบออกไป
� กระทั่ง นาที 77 ลิเวอร์พูล ได้ประตูออกนำ 3-1 สมใจ และก็เป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เปิดบอลทางขวาอย่างแม่นยำมาเข้าหัว โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกบอลกดพื้นสวนตัว กาซียาส เข้าไปเป็นประตูที่ 4 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่ากับ ซาดิโอ มาเน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และทำให้สกอร์สองนัดนำโด่งเป็น 5-1
� นาที 84 "เร้ด แมชีน" มานำโด่งเป็น 4-1 บอลจากมุมธงด้านซ้าย เจมส์ มิลเนอร์ เปิดเตะมุมมาเสาแรกให้ มาเน่ โขกเช็ดบอลไปกลางประตูให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เกร็งหัวโขกเข้าไปง่ายๆ
� จบเกม ลิเวอร์พูล บุกขนะ ปอร์โต้ 4-1 รวมผลสองนัดเข้ารอบตัดเชือกด้วยประตูรวม 6-1 เข้าไปพบกับ บาร์เซโลน่า ในรอบรองชนะเลิศ สำเร็จ
��� รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม���������
��� เอฟซี ปอร์โต้ (4-3-3) : อีเกร์ กาซียาส - เอแดร์ มิลิเตา, เปเป้, เฟลิเป้, อเล็กซ์ เตลเลส - โอตาวินโญ่ (ฟรานซิสโก้ ซัวอาเรส น.46), ดานิโล่ เปเรยร่า, เอคตอร์ เอร์เรร่า - เฮซุส โกโรน่า (แฟร์นานเดา น.78), มุสซ่า มาเรก้า, ยาซีน บราฮีมี่ (บรูโน่ คอสต้า น.81)
�� สำรองไม่ได้ใช้: วานญ่า, อันเดร เปเรยร่า, แม็กซี่ เปเรยร่า, โอลิเบร์ ตอร์เรส
��� เทรนเนอร์ : แซร์โจ้ คอนไซเซา
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (โจ โกเมซ น.66), โจเอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.71) - จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิว็อค โอริกี้ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.46), ซาดิโอ มาเน่
�� สำรองไม่ได้ใช้: ซิมง มิโญเลต์, นาบี เกอิต้า, เซอร์ดาน ชากิรี่, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
��� เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
��� ผู้ตัดสิน : ดานนี่ มัคเคลี่ (ฮอลแลนด์)