ปรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 27
วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2567
สนาม : เดอะ ซิตี้ กราวน์ด
เวลา : 22.00 น.
ถ่ายทอดสด : ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 2
ลิเวอร์พูลที่เพิ่งคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ตามด้วยการทะลุผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเอฟเอ คัพ ด้วยขุมกำลังที่เต็มไปด้วยเด็กดาวรุ่ง จะมีโปรแกรมลงสนามอีกแล้ว ในการมาเยือน ซิตี้ กราวน์ด ของ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่พวกเขาเองมีสถิติที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยามมาเยือนที่นี่ด้วย เพราะไม่เคยมาชนะถึง 13 นัดติดแล้ว (เสมอ 7 แพ้ 6) หรือนับตั้งแต่ปี 1984 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามสภาพความมั่นใจของลิเวอร์พูลในนาทีนี้เต็มเปี่ยมมาก โดยเฉพาะถ้วยสำคัญที่สุดของฤดูกาลอย่างพรีเมียร์ลีกที่ยังถูกกำหนดให้อยู่ในมือของพวกเขาเอง
ด้านขุมกำลัง ลิเวอร์พูลไม่ได้มีตัวเจ็บเพิ่มจากกลางสัปดาห์ โดย เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้อัพเดทว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้แน่นอน ส่วน วาตารุ เอ็นโด และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไม่ได้ลงซ้อมเพราะป่วย ก็ต้องลุ้นว่าหายทันไหม ขณะที่ โดมินิค โซโบซไล และ ดาร์วิน นูนเญซ ลงซ้อมแล้ว แต่ต้องรอดูสภาพความฟิตว่าไหวมากน้อยแค่ไหน
ขณะที่อลิสซอน เบ็คเกอร์ ทาง คล็อปป์ บอกว่าอาการเจ็บหนักกว่าที่คิด แปลว่าตอนนี้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ คงต้องยึดมือหนึ่งไปยาวๆ น่าะจึงช่วงท้ายฤดูกาลกันเลยทีเดียว
เกมนี้แน่นอน ประตูคงเป็น เคลเลเฮอร์ ที่ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ
แนวรับเป็นตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบจากนักเตะเจ็บน้อยสุด ตัวเลือกยังเหลือๆ ทางขวา คอเนอร์ แบรดลีย์ ก็เป็นอีกคนที่ยึดตรงนี้ไปยาวๆ ก่อน คู่เซนเตอร์ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ จะจับคู่กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ ต่อ โดยคู่นี้กลางสัปดาห์ได้เล่นกันไปคนละ 45 นาที ส่วนแบ็คซ้าย โรเบิร์ตสันถ้าหายป่วยยังไงก็ตัวเลือกแรก แต่ถ้าไม่ไหวจริงก็ยังมี โจ โกเมซ กับ คอสตาส ซิมิกาส พร้อมเสียบ
แดนกลาง เอ็นโด น่าจะได้กลับมา หลังจากได้พักไปเต็มๆ หลังเกมคาราบาว คัพ นอกเสียว่าอาการป่วยยังไม่หายดีจริงๆ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็น่าจะถูกปรับกลับมาเล่นตรงนี้อีกครั้ง แต่ถ้า เอ็นโด ลงได้ แม็คก้า ก็จะถูกดันสูงหน่อยมาปั้นเกม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาทำผลงานได้ดีมากๆ ในช่วงหลังๆ โดยมีกลางอีกรายที่จะเป็น โซโบซไล ที่น่าจะเรียกความฟิตผ่านแล้ว หลังประคบประหงมมาพักใหญ่
แนวรุกแม้จะไร้ ซาลาห์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แล้วในเวลานี้ ทางซ้าย หลุยส์ ดิอาซ จะได้กลับมาในที่ของเขาอีกครั้ง หลังได้พักไปในเกมเอฟเอ คัพ โดยหน้าเป้า ดาร์วิน นูนเญซ ก็เป็นอีกคนที่น่าจะได้กลับมาเสียที โดยทางขวา ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น่าจะได้ออกสตาร์ทก่อน โดยมี โคดี้ กัคโป ที่เล่นไปร่วม 90 นาทีกลางสัปดาห์คอยสับเปลี่ยน
ตรงแนวรุกนี้ยังพอหมุนเวียนได้ แต่ไม่น่าจะหมุนเกิน 4 คนนี้ เพราะฟอเรสต์เองก็เขี้ยวใช้ได้ ดังนั้นการเอาดาวรุ่งอย่าง ลูอิส คูมาส หรือ เจย์เดน แดนน์ส ลงตัวจริงเลยแบบที่ยังมีทางเลือกอื่นน่าจะเกิดขึ้นได้ยากกว่า
นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
นอตติงแฮม ฟอเรสต์ (4-2-3-1) : มัทซ์ เซลส์ - เนโค่ วิลเลี่ยมส์, มุสซ่า นิอาคาเต้, มูริลโล่, แฮร์รี่ ทอฟโฟโล่ - ดานิโล่, นิโกลัส โดมิงเกซ - แอนโธนี่ เอลังก้า, มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย - ไตโว อโวนิยี่
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ - คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - โดมินิค โซโบซไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โกดี้ คักโป - ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ดาร์วิน นูนเญซ, ลุยส์ ดีอาซ
ความน่าจะเป็นของเกม
สถิติการไปเยือนซิตี้ กราวน์ด ของลิเวอร์พูล ทำให้แฟนๆ หวั่นใจได้ แต่อีกสถิติคือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ นั้นก็แพ้ตลอดเหมือนกันยามคุมทีมเจอกับลิเวอร์พูลที่ผ่านมา (แพ้รวด 6 นัดตอนคุมวูล์ฟแฮมป์ตัน) บวกกับกำลังใจของทีมที่กำลังเดินหน้าต่อหลังได้แชมป์คาราบาว คัพ ก็น่าจะทำให้ความมุ่งมั่นนี้ก่อให้เกิดพลังพิเศษในการบุกมาทำลายสถิตอันย่ำแย่ในการเยือนฟอเรสต์ได้เสียที
ผลการแข่งขันที่คาด
ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนได้หวุดหวิด