ทอม ฮิกส์ อดีตเจ้าของร่วมของสโมสร ลิเวอร์พูล ในยุคปี 20072010 เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 79 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองดัลลัส สหรัฐอเมริกา โดยมีครอบครัวอยู่เคียงข้างในวาระสุดท้าย
โฆษกของนักธุรกิจชาวอเมริกันรายนี้ยืนยันการเสียชีวิต พร้อมเผยแถลงการณ์จากครอบครัวที่ระบุว่า แม้เขาจะประสบความสำเร็จในหลายด้าน แต่บทบาทที่เขาภาคภูมิใจที่สุดคือการเป็น พ่อ ของลูก ๆ ทั้ง 6 คน
ครอบครัวระบุว่า ไม่ว่าเขาจะเผชิญอุปสรรคใด ฮิกส์ ยังคงเปี่ยมด้วยความรักและความเอื้ออารีต่อครอบครัวเสมอ เขายังคงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของเรา และแม้จะเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปครั้งนี้ แต่เรารู้สึกขอบคุณที่ได้เป็นลูกของเขา
ฮิกส์ เข้าถือหุ้น 50% ของ ลิเวอร์พูล ร่วมกับนักลงทุนชาวอเมริกันอีกคนคือ จอร์จ จิลเล็ตต์ โดยตั้งเป้าสร้างความสำเร็จเช่นเดียวกับที่เคยทำไว้ในวงการกีฬาอเมริกัน ทั้งกับ ดัลลัส สตาร์ส ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งที่คว้าแชมป์ สแตนลี่ย์ คัพ ปี 1999 และ เท็กซัส เรนเจอร์ส ในเมเจอร์ลีกเบสบอล ซึ่งคว้าแชมป์ อเมริกัน เวสต์ ดิวิชั่น 3 สมัยระหว่างช่วงที่เขาถือหุ้น (19982010)
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของเขาที่แอนฟิลด์กลับเต็มไปด้วยปัญหา ทั้งภาระหนี้สินจำนวนมหาศาล ความขัดแย้งภายในสโมสร โดยเฉพาะกับ ริก เพอร์รี อดีตซีอีโอ และ ราฟาเอล เบนีเตซ ผู้จัดการทีมในเวลานั้น ก่อนตัดสินใจปลดและแต่งตั้ง รอย ฮ็อดจ์สัน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ล้มเหลวอย่างหนัก
"หงส์แดง" ไม่สามารถคว้าแชมป์ใด ๆ ภายใต้ผู้บริหารคู่หู ฮิกส์จิลเล็ตต์ แถมยังเผชิญการประท้วงจากแฟนบอลอย่างหนัก หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความไม่พอใจคือกรณีที่ ทอม ฮิกส์ จูเนียร์ บุตรชายส่งอีเมลตอบโต้แฟนบอลด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนออกมาขอโทษในภายหลัง
เมื่อสถานการณ์ภายในเลวร้ายลง ฮิกส์ และ จิลเล็ตต์ เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน และในที่สุดทั้งคู่ตัดสินใจขายสโมสรให้กับ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (FSG) ในปี 2010 ด้วยมูลค่าประมาณ 300 ล้านปอนด์ แม้จะตั้งความหวังไว้ในช่วงแรกว่าราคาขายควรอยู่ระหว่าง 600 ล้าน1 พันล้านปอนด์ก็ตาม
แม้ดีลขายสโมสรจะสูงกว่าตอนที่เขาซื้อมาอยู่ราว 80 ล้านปอนด์ แต่ภาระหนี้มากกว่า 200 ล้านปอนด์ ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว ฮิกส์ และ จิลเล็ตต์ ขาดทุนรวมเกือบ 150 ล้านปอนด์เลยทีเดียว