��������� "ผีแดง" ยังร่ายฟอร์มได้อย่างเยี่ยมยอดหลังได้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ลงมาเป็นสำรองซัดฟรีคิกงามหยดเป็นประตูชัยพาทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล สุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดเวอร์ชั่น เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
������� สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
��� "แดงเดือด" ฉบับ เอฟเอ คัพ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคมที่่ผ่านมา เป็นการแข่งขันใน รอบ 4 แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือคู่ปรับตลอดกาล ลิเวอร์พูล อันดับ 4 พรีเมียร์ลีก ซึ่งคู่นี้เพิ่งจะเจอกันในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ที่ผ่านมา ซึ่งเสมอกันไปที่แอนฟิลด์แบบไร้สกอร์ 0-0 โดยเกมวันนี้ทีมใดชนะจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 พบกับ เวสต์แฮม ที่เข้าไปยืนรออยู่แล้ว
���� โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เกมนี้ปรับทัพพอสมควรพัก บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นสำรองแล้วเปิดทางให้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงปั้นเกมร่วมกับ ปอล ป็อกบา, มาร์คัส แรชฟอร์ด และให้ เอดินสัน คาวานี่ เป็นหน้าเป้า
��� ส่วนทางฝี่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ในสถานการณ์ที่กดดันกับผลงานของทีมที่วิกฤตเล่นได้ย่ำแย่ไม่ชนะในลีกมา 5 นัดติด ล่าสุดเพิ่งจะเสียสถิติไร้พ่ายในแอนฟิลด์ที่ไม่แพ้ใครในลีกมา 3 ปีกว่าด้วยฝีมือ เบิร์นลี่ย์ โดยการจัดทัพวันนี้เปลี่ยนถึง 5 ตำแหน่งในเกมลีกล่าสุด รีส วิลเลี่ยมส์ จับคู่หลังกับฟาบินโญ่ ส่วน 3 แดนหน้าใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และเคอร์ติส โจนส์ โดยให้ ซาดิโอ มาเน่ เป็นแค่สำรองไปก่อน
��� ออกสตาร์ทครึ่งแรก โอกาสแรกของเกมเป็นเจ้าบ้าน "ผีแดง" ที่ได้ทักทายก่อนใน นาที 10 จากจังหวะที่ เมสัน กรีนวู้ด โซโล่เดี่ยวควบบอลจากขวาเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดมุมแคบไปติดขาของ อลิสซอน แบบได้ลุ้น
��� อีกนาทีถัดมา "หงส์แดง" ได้เสียวบ้าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสเข้าไปในกรอบ 6 หลา ฟีร์มีโน่เข้าไม่ถึงบอลโดนแนวรับผีแดงสกัดออกมาหวุดหวิด
��� นาที 14 เมสัน กรีนวู้ด สร้างโอกาสให้ตัวเองอีกครั้ง หลังรับบอลจาก คาวานี่ ก่อนจะอัดด้วยขวาเสาแรก บอลพุ่งหลุดกรอบออกไป
��� แต่กลายเป็น "หงส์แดง" ที่เป็นฝ่ายบุกมาขึ้นนำไปก่อน 1-0 นาที 18 จากจังหวะที่ ไวนัลดุม พาบอลขึ้นมาก่อนแทงให้ ฟีร์มีโน่ พลิกบอลแล้วจ่ายคิลเลอร์พาสทะลุช่องระหว่าง ลินเดอเลิฟ และลุค ชอว์ให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปก่อนชิพบอลข้าม ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าไปอย่างเหนือชั้น
��� กระนั้น นาที 25 "ผีแดง" มาได้ประตูตีเสมอไล่มา 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ ปอล ป็อกบา แย่งบอลจากหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง ก่อน ฟาน เดอ เบ็ค สวนกลับป้ายออกซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด วางบอลยาวจากครึ่งสนามให้ เมสัน กรีนวู้ด หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบก่อนซัดเลียดผ่าน อลิสซอน เข้าไปอย่างเฉียบขาด
��� นาที 35 แมนฯยูไนเต็ด มาได้ลุ้นจากลูกเตะมุม ลุค ชอว์ เปิดมาให้ ปอล ป็อกบา ขึ้นโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว อีกสองนาทีได้ลุ้นจากลูกคอนเนอร์อีก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ หนีตัวประกบแต่โหม่งไม่ดีบอลเหินโด่งข้ามคานออกไป
��� นาที 40 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบ้าง ติอาโก้ เก็บบอลได้จากแถวสองโขกชงต่อให้ เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งมากดด้วยซ้ายแบบไม่จับห่างโกลออกไปแบบหมดลุ้น
��� จากนั้น นาที 42 ฟาบินโญ่ ไปเสียใบเหลืองหน้ากรอบหลังไปเสียบใส่ เมสัน กรีนวู้ด ก่อนจะเป็น ปอล ป็อกบา ปั่นฟรีคิกหลุดเสาแรกออกไป
��� ช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 ผีแดง ได้ลุ้นบอลสวนกลับจาก ป็อกบา เทกแย่งบอลให้ ฟาน เดอ เบ็ค ป้ายออกซ้ายให้ คาวานี่ ยกบอลยาวขนานเส้นถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด วิ่งไปรับบอลก่อนยกหลบหนี รีส วิลเลี่ยมส์ เลี้ยงจี้เข้ากรอบแล้วจ่ายขวางออกขวาให้ กรีนวู้ด แปะเข้ากลางให้ ป็อกบา วิ่งมาซัดนอกกรอบถากเสาแบบได้เสียว
��� จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1
��� ครึ่งหลัง แค่นาที 48 "ผีแดง" มาได้พลิกแซงขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-1 จากจังหวะแย่งบอลได้ตรงกลาง ก่อนถึง เมสัน กรีนวู้ด วางบอลทะลุช่องผ่าน รีส วิลเลี่ยมส์ที่สกัดหวืดจนทะลุไปถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแปบอลผ่านตัว อลิสซอน เข้าไปซุกก้นตาข่าย
��� "หงส์แดง" ไม่ท้อพยายามไล่ตีเสมอให้ได้ นาที 58 ติอาโก้ ครอสเข้าไปให้ ฟีร์มีโน่ โขกเช็ดให้ เจมส์ มิลเนอร์ สอดเข้าไปก่อนล้มตัวยิงเหินคานไปแบบได้เสียว
��� กระนั้นอีกนาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มาไล่ตีเสมอเป็น 2-2 สำเร็จคราวนี้แนวรุกผีแดงทำเสียบอลโดน เจมส์ มิลเนอร์ ตัดบอลได้ให้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลเข้ากลาง มิลเนอร์ วิ่งข้ามหลอกก่อนถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมาซัดไม่ถึง 6 หลาเข้าไป เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้มีลุ้นแฮตทริก
��� นาที 61 เกมรุกของหงส์แดงเกือบได้ลุ้นขึ้นนำ ซาลาห์ ออกบอลให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งมาซัดเต็มข้อแต่บอลยังไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน
��� อีกนาทีต่อมา "หงส์" ส่ง ซาดิโอ มาเน่ ลงมาเล่นแทน จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วนเจ้าบ้าน นาที 66 ถอดเอา ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และเมสัน กรีนวู้ด ออกก่อนจะส่ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส และเฟร็ด ลงเล่นแทน
��� หงส์แดงพยายามเน้น นาที 67 ฟีร์มีโน่ เจาะทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปในกรอบก่อนซัดเสาแรกไปติดตัวของ ดีน เฮนเดอร์สัน อีกหน
��� นาที 75 โม ซาลาห์ สร้างโอกาสให้ตัวเองได้อีกหลังซัดด้วยซ้ายแหวกบล็อคบอลพุ่งไปตรงตัว เฮนเดอร์สัน แม้จะรับกระฉอกแต่ยังตามมาเก็บเข้ามือไว้ได้
��� แต่แล้ว นาที 78 กลายเป็น "ผีแดง" ที่ใช้โอกาสไม่เปลืองจากจังหวะได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษไม่ถึง 18 หลา และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ลงมาเป็นตัวสำรองวิ่งมาปั่นบอลอ้อมกำแพงผ่าน อลิสซอน ที่พยายามพุ่งแต่ไม่ทัน บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างงามหยดให้ แมนฯยูฯ ขึ้นนำหงส์แดงอีกครั้งเป็น 3-2
��� ท้ายเกม นาที 89 เจ้าบ้านเกือบมาได้เม็ดที่สี่นำห่าง หลัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ครอสบอลมาให้ เอดินสัน คาวานี่ วิ่งสอดมาเสาไกลกระโดดโขกบอลลงพื้นบอลพุ่งไปชนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย
��� จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เบียดเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 เอฟเอ คัพ พบกับ เวสต์แฮม ในช่วงวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์นี้
��� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
������� แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน - อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ปอล ป๊อกบา - เมสัน กรีนวู้ด (เฟร็ด น.66), ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.66), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.86) - เอดินสัน คาวานี่
������� ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ , รีส วิลเลี่ยมส์ , ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เจมส์ มิลเนอร์, ติอาโก้ อัลกันตาร่า (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.81) ,� จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (ซาดิโอ มาเน่ น.62) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.81), เคอร์ติส โจนส์
������� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
������� ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน