����������� "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยุติเส้นทางแชมเปี้ยนส์ลีก ไว้แค่รอบ8ทีมสุดท้าย หลังเกมนัดที่สองที่แอนฟิลด์ทำได้แค่เสมอกับ เรอัล มาดริด แบบไร้สกอร์ 0-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา รวมสองนัด "ราชันชุดขาว" ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 3-1
����������� สนาม : แอนฟิลด์
��� ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล กลับมาเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด โดยผลนัดแรก "ราชันชุดขาว" เอาชนะมาได้ก่อน 3-1
��� เจอร์เก้น คล็อปป์ ฟอร์มในลีกล่าสุดเบียดเอาชนะ แอสตัน วิลล่า มาแบบหืดจับ 2-1 เกมนี้ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ กัปตันทีมลงขับเคลื่อนเกมแดนกลาง ร่วมกับ ฟาบินโญ่ และจอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม โดยมีสามประสานอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้า เป็นแค่ตัวสำรอง
��� ทางฝั่ง ซีเนดีน ซีดาน พาทีมคว้าชัยใน "เอล กลาซิโก้" เหนือบาร์เซโลน่า 2-1 นัดยังมีปัญหาเกมรับโดยคู่เซ็นเตอร์แบ็กให้ เอแดร์ มิลิเตา ยืนจับคู่กับ นาโช่ เฟร์นานเดซขณะที่แบ็กขวา ลูกัส บาซเกซ เจ็บต้องให้ เฟเด้ บัลเบร์เด้ ลงเล่นแทน ส่วน 3 แนวรุกใช้ มาร์โค อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งเหมาสองประตูในเกมแรก
��� ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 2 นาที "หงส์แดง" เกือบชิงขึ้นนำอย่างรวดเร็วหลัง บอลสาดโด่งมาให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าไปในกรอบก่อนแปจังหวะเดียวเข้ากลางให้ ซาลาห์ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายไปติดขา ติโบต์ กูร์กตัวส์
��� ถัดมาอีกนาที มาเน่ แตะบอลผ่าน เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ก่อนสปีดควบบอลเข้าไปแล้วครอสได้เสียเลียดไปในกรอบ 6 หลาบอลเลยไปถึง ซาลาห์ ที่เติมมาซัดจากเสาไกลติดแนวรับชุดขาวออกหลังไปอีก
��� นาที 9 เป็นโอกาสส่องหนแรกของ เรอัล มาดริด บอลครอสมาถึง ลูก้า โมดริด ตั้งป้อมซัดไปติดบล็อค โอซาน คาบัก ออกหลัง
��� เกมแลกกันสนุกสุดมันส์ นาที 11 ฟีร์มีโน่ จ่ายเข้ากลางให้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้บอลนอกกรอบก่อนปั่นด้วยขวาบอลกำลังจะมุดเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่โดน ติโบต์ กูร์กตัวส์ปฎิเสธโชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดออกไปได้
��� นาที 18 มาเน่ เรียกฟรีคิกนอกกรอบเยื้องทางขวาของสนาม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดโค้งมาเสาแรกให้ โอซาน คาบัค เทกขึ้นโขกเหินคานออกไป
��� บุกเพลินๆ "หงส์แดง" เกือบพลาดท่าหลังแนวรับทำเสียบอลโดน คาริม เบนเซม่า เลี้ยงกินตัวเข้าหน้ากรอบก่อนล็อคหนีแล้วซัดด้วยซ้ายไปแฉลบขา คาบัค ก่อนพุ่งไปชนเสาก่อนที่ กาเซมิโร่ จะเก็บบอลได้แล้วไหลให้ วินิซิอุส จูเนียร์ กดนอกกรอบแต่ยังไม่ผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ พุ่งรับเอาไว้ได้
��� นาที 41 หงส์แดงพลาดโอกาสอีกครั้ง หลัง ไวจ์นัลดุม พลิกบอลจากกลางสนามอย่างสวยก่อนแทงออกซ้ายให้ มาเน่ ในกรอบแล้วปาดเลียดมากลางประตูให้ ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้ายเหินคานออกไป
��� อีกนาทีต่อมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฉกบอลเข้าไปในกรอบแล้วหักคืนมาให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซัดด้วยขวาเน้นๆไม่มีตัวประกบแต่ยิงข้ามคานไปอย่างน่าผิดหวัง
��� จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังเสมอกับ เรอัล มาดริด 0-0 (สกอร์รวมสองนัด เรอัล มาดริด นำ 3-1)
��� กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง แค่นาทีเดียว น.46 หงส์แดง ชวดได้ประตูขึ้นนำหลัง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดไซด์ก้อยให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซัดเสาแรกไปติดเซฟของติโบต์ กูร์กตัวส์
��� นาที 54 ชุดขาว เกือบได้เสียวเหมือนกัน แฟร์กล็องด์ เมนดี้ เติมถึงเส้นหลังแล้วหักมากลางประตูในกรอบ6 หลา บอลกำลังจะถึง เบนเซม่า อยู่แล้วแต่ เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งลงมาตัดหน้าสกัดพ้นอันตรายหวุดหวิด
��� นาที 66 วินิซิอุส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลเดี่ยวกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ แต่จับบอลยาวไปก่อนที่ อลิสซอน จะพุ่งออกมาคว้าบอลเข้ามือได้ทัน และจากจังหวะสวนกลับ "หงส์แดง" ได้ลุ้นเช่นกัน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดโค้งไปเสาไกลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สอดเข้ามาโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไป
��� ช่วงเวลาที่เหลือ "หงส์แดง" ไม่สามารถเจาะแนวรับของแชมป์สูงสุด 13 สมัย ได้ ก่อนผู้ตัดสินเป่าจบเกม เป็นอันว่า เรอัล มาดริด บุกมายันเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 รวมผลสองนัดเอาชนะไปได้ 3-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ โดยจะพบกับ เชลซี ตัวแทนจากอังกฤษเหมือนกัน โดยเล่นที่บ้านของชุดขาวก่อนในวันอังคารที่ 27 เมษายน ก่อนจะเล่นนัดสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ วันพุธที่ 5 พฤษภาคม นี้
����� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, โอซาน คาบัค (ดีโอโก้ โชต้า น.60), แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เจมส์ มิลเนอร์ (กัปตันทีม) (ติอาโก้ อัลคันตาร่า น.60), ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.82), ซาดิโอ มาเน่ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอเลน น.82)
������� เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ - ลูก้า โมดริช, กาเซมิโร่, โทนี่ โครส (อัลบาโร โอดริโอโซล่า น.72) - มาร์โค อาเซนซิโอ (อีสโก้ น.82), คาริม เบนเซม่า (กัปตันทีม), วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ น.72)
������� ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)