ลิเวอร์พูล ยังสามารถใช้เงินในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ได้ขึ้นระดับ 200 ล้านปอนด์สบายแบบไม่ผิดกฎกำไรและความยั่งยืน หรือ PSR (Profit and Sustainability Rules) ที่กำหนดให้แต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกขาดทุนได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ ภายในระยะเวลา 3 ปี
เหตุผลง่ายมาก ก็คือ ลิเวอร์พูลทำรายได้มากกว่า และบริหารการเงินได้ดีกว่าส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้พวกเขามีศักยภาพทางการเงินในการทำธุรกิจโดยไม่มีผลกระทบกับกฏนี้
ปีงบประมาณของลิเวอร์พูลสิ้นสุดลงในวันที่ 31 พฤษภาคม 2025 โดยในฤดูกาลนั้น พวกเขาเสริมทัพแค่ เฟเดริโก้ เคียซ่า จากยูเวนตุส ด้วยค่าตัวรับประกัน 10 ล้านปอนด์ กระจายค่าใช้จ่ายผ่านสัญญา 4 ปี ทำให้คิดเป็นต้นทุนค่าเสื่อมราคาเพียงปีละ 2.5 ล้านปอนด์ ขณะที่ค่าเสื่อมราคาทั้งทีมของลิเวอร์พูลอยู่ที่ 114.5 ล้านปอนด์ และถึงแม้จะมีผลจากเคียซ่าเข้ามา การขายนักเตะที่มีมูลค่าทางบัญชี และการลดลงของมูลค่าทางบัญชีของนักเตะบางรายก็ช่วยลดต้นทุนโดยรวมได้
และการที่ลิเวอร์พูลกลับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลนั้น ทำให้สโมสรมีรายได้มากกว่า 85 ล้านปอนด์จากการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย บวกกับรายได้จากการถ่ายทอดสดและการแข่งในบ้าน 5 นัด นอกจากนี้การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกยังช่วยเพิ่มรายได้จากเงินรางวัล, ส่วนแบ่ง, และค่าธรรมเนียมจากตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกเกือบ 185 ล้านปอนด์
แม้ค่าแรงนักเตะจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสัญญาใหม่และโบนัสจากการเป็นแชมป์ แต่นโยบายการใช้จ่ายแบบระมัดระวังของสโมสรก็ยังคงรักษาเสถียรภาพได้ ลิเวอร์พูลไม่ได้ลงทุนในทุกตลาดซื้อขายเหมือนบางทีม ทำให้ยังมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากกว่า
ในแง่ของกฎ PSR นี้มีข้อยกเว้นสำหรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน, อะคาเดมี, ทีมฟุตบอลหญิง และโครงการเพื่อสังคม
ระหว่างปี 2021/22 ถึง 2023/24 ลิเวอร์พูลมีกำไร 7 ล้าน, ขาดทุน 9 ล้าน และขาดทุน 57 ล้านปอนด์ ตามลำดับ แต่หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่ยกเว้นได้แล้ว สโมสรยังมีสถานะทางบัญชีที่เป็นบวกถึง 48 ล้านปอนด์ รวมกับ 105 ล้านปอนด์ที่กฎอนุญาต ทำให้ยังมีพื้นที่ในการใช้จ่ายอีก 153 ล้านปอนด์ พูดง่าย ๆ ว่า 'ไร้กังวล'
ปี 2024/25 คาดว่าจะมีกำไรอีกครั้ง โดยรายได้น่าจะเกิน 700 ล้านปอนด์ และอาจมีกำไรมากถึง 50 ล้านปอนด์ ยิ่งช่วยให้สถานะ PSR เป็นบวกยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีการลงทุนในผู้เล่นใหม่ เช่น จอร์จิ มามาร์ดาชวิลี และการคิดค่าเสื่อมราคาใหม่เพิ่มเติม แต่การขายนักเตะอย่าง ควีวิน เคลเลเฮอร์ (18 ล้านปอนด์) และ จาเรลล์ ควานซาห์ (30 ล้านปอนด์) ถือเป็นกำไรล้วน ๆ ที่ช่วยหักลบค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้เกือบหมด
หาก ดาร์วิน นูนเญซ ย้ายออก จะช่วยลดต้นทุนอีกมาก โดยไม่กระทบต่อสถานะการเงินรวม สโมสรยังมีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนที่ปรับใหม่สูงสุดถึง 300 ล้านปอนด์ แต่เงินที่ใช้ส่วนใหญ่ก็จะมาจากเงินที่ได้รับ ทำให้โดยรวมแล้ว ลิเวอร์พูลวางแผนการเงินได้รอบคอบ แข็งแกร่ง และพร้อมจะรักษาความสำเร็จระยะยาว