เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โดมินิค โซโบซไล คือสองนักเตะที่ได้โอกาสลงสนามในจำนวนนาทีที่เท่ากันและถือว่ามากที่สุดของลิเวอร์พูล ในช่วงที่มีโปรแกรมลงเตะ 7 เกมในรอบ 21 วันที่ผ่านมา โดยช่วงเวลาดังกล่าว อาร์เน่อ สล็อต ยังใช้งานนักเตะไปทั้งหมด 24 คนด้วย
ลิเวอร์พูล เริ่มต้นช่วงโปรแกรมแน่นเอี๊ยดหลังพักเบรกทีมชาติเมื่อเดือนกันยายน ด้วยการคว้าชัย 4 แมตช์ติดต่อกันจากการแข่งขัน 3 รายการโดยเสียประตูเพียงนัดเดียวเท่านั้น
จากนั้นผลงานก็ร่วงกราวรูดอย่างหนัก เมื่อแพ้ติดต่อกัน 3 นัด ทำให้บรรยากาศของทีมดูหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามพวกเขาถือว่าโชคดีมากๆ เนื่องจากมีช่วงฟีฟ่าเดย์ต้นเดือนตุลาคมเข้ามาคั่นกลางพอดี
ฤดูกาลนี้ โค้ชอาร์เน่อ พูดอย่างเปิดอกเกี่ยวกับการโรเตชั่นโดยคำนึงถึงภาพรวมของทีม รวมทั้งความจำเป็นในการจัดสรรเวลาลงสนามให้กับนักเตะบางคนที่เริ่มต้นฤดูกาลด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่ฟิตสมบูรณ์
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากประเด็นนี้ จะเห็นได้ชัดว่านักเตะคนไหนที่อยู่ในแผนหลักของโค้ชอาร์เน่อ และคนไหนอาจไม่ใช่ตัวหลัก โดยจำนวนเวลาลงเล่นใน 7 นัดที่ผ่านมา ยังบ่งบอกด้วยว่าแข้งคนไหนที่อาจต้องโดนจับพักในเร็วๆ นี้
เห็นได้ชัดว่า ฟาน ไดค์ และ โซโบซไล (540 นาทีเท่ากัน) เป็นเพียงสองคยเท่านั้นที่ลงเล่นครบ 90 นาทีเต็มทุกนัด ยกเว้นเกมเดียว (พบเซาแธมป์ตันในคาราบาว คัพ) ส่วนไรอัน กราเฟนแบร์ก (512 นาที) ก็ตามมาไม่ห่างนัก
คู่กองกลางทั้งสองคน (กราเฟนแบร์ก และ โซโบซไล) เป็นนักเตะที่ชื่อปรากฏอยู่ในแผนการเล่นแทบทุกนัด และไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาอยู่หัวแถวของรายชื่อนักเตะลงสนามเยอะ แต่เรื่องน่ากังวลเมื่อพิจารณารวมกับการลงเล่นให้ทีมชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นที่จะต้องให้พวกเขาได้พักบ้างในเกมที่จะมาถึงหลังจบเบรกทีมชาติครั้งนี้
การจัดการเวลาของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (311 นาที), อเล็กซานเดอร์ อีซัค (312 นาที) และ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ (318 นาที) ก็ชัดเจนเช่นกัน เพราะ กุนซือชาวดัตช์ ยังคงคอยให้ความระมัดระวังสำหรับพวกเขาเนื่องจากมีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ และสภาพความฟิต
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งแบ็กขวามีตัวเลือกที่สามารถผลัดเปลี่ยนลงสนามได้มากขึ้น หลัง โค้ชอาร์เน่อ ตัดสินเลือก แบรดลี่ย์ เป็นตัวหลักหลังนักเตะฟิตสมบูรณ์ ส่วน เจเรมี่ ฟริมปง (229 นาที) ยังคงต้องการเวลาในการปรับตัวอยู่
ส่วนผู้เล่นที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนัก อย่างเช่น วาตารุ เอ็นโด (94 นาที), โจ โกเมซ (90 นาที) และ เฟเดริโก้ เคียซ่า (124 นาที) แต่กระนั้นในรายของ 2 คนหลัง น่าจะได้รับโอกาสมากขึ้นหลังผลงานค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน เคอร์ติส โจนส์ (235 นาที) ลงเล่นเพียง 37.3 เปอร์เซ็นต์ของเวลาทั้งหมดในช่วง 7 เกมที่ผ่านมา และควรได้รับการพิจารณามากขึ้น หลังจากพลาด 2 เกมเนื่องจากบาดเจ็บจากแมตช์ชนะ อาร์เซน่อล สุดท้ายก็คือ อีซัค (312 นาที) และ อูโก้ เอกิติเก้ (300 นาที) มักสลับกันเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพในแนวรุก ด้าน โกดี้ คักโป (406 นาที) ลงเล่นถึง 64.4 เปอร์เซ็นต์ในตำแหน่งปีกซ้าย โดยการแย่งตำแหน่งของเขาไม่ค่อยมีความเข้มข้นมากนัก
จากการที่มีนักเตะบางคนได้รับบาดเจ็บ นั่นทำให้ โค้ชอาร์เน่อ ต้องเผชิญความท้าทายเพิ่มเติมในการรักษาความสดของทีม พร้อมกับหาแนวทางในการสร้างความสม่ำเสมอที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นผลงานและผลการแข่งขันให้ดีขึ้น
จำนวนนาทีที่นักเตะลิเวอร์พูลลงสนามในช่วง 7 เกมหลังสุด
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ 540 นาที
โดมินิค โซโบซไล 540 นาที
ไรอัน กราเฟนแบร์ก 512 นาที
อิบราฮิม่า โกนาเต้ 487 นาที
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 478 นาที
อลีสซง เบ็คเกอร์ 416 นาที
โกดี้ คักโป 406 นาที
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ 399 นาที
มิลอส เคอร์เคซ 376 นาที
คอเนอร์ แบรดลี่ย์ 318 นาที
อเล็กซานเดอร์ อีซัค 312 นาที
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ 311 นาที
อูโก้ เอกิติเก้ 300 นาที
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 263 นาที
เคอร์ติส โจนส์ 235 นาที
เจเรมี่ ฟริมปง 229 นาที
จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ 214 นาที
เฟเดริโก้ เคียซ่า 124 นาที
ริโอ เอ็นกูโมฮา 100 นาที
วาตารุ เอ็นโด 94 นาที
โจ โกเมซ 90 นาที
โจวานนี่ เลโอนี่ 90 นาที
เทรย์ นายโอนี่ 81 นาที
เจย์เดน แดนน์ส 15 นาที