����� พอล อินซ์ ชี้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังก๊อปปี้โมเดลของ ลิเวอร์พูล อยู่ พร้อมบอกว่า "ปีศาจแดง" เสี่ยงพอตัวที่ขาย โรเมลู ลูกากู เพราะมองว่ามันทำให้แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่ใช่ตัวจบสกอร์ตามธรรมชาติต้องแบกรับความกดดันในการทำประตู
���� พอล อินซ์ อดีตยอดกองกลางชาวอังกฤษ แสดงความเห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังก๊อปปี้วิธีทำทีมของ ลิเวอร์พูล คู่อริตัวฉกาจอย่างเห็นได้ชัด
��� ในช่วงซัมเมอร์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงินถึง 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,280 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว แม็กไกวร์ ไปร่วมทัพ เพราะต้องการให้เขาเข้ามาแก้ปัญหาเกมรับ ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม ปีก่อน ลิเวอร์พูล ก็จ่ายเงิน 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,075 ล้านบาท) ในการดึง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มาช่วยเกมรับเหมือนกัน
��� นอกจากนี้ ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกของฤดูกาล 2019-20 ที่ชนะ เชลซี 4-0 นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด เป็น 3 แดนหน้าตัวจริงด้วย ส่วนเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ตลอดช่วง 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้นั้น ก็ใช้งาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นหลัก ซึ่งทั้ง 3 แข้งของ "หงส์แดง" เป็นนักเตะประเภทที่มีความคล่องตัวสูงและมีความเร็วที่ดี ไม่ใช่ประเภทหัวหอกตัวเป้าตามธรรมชาติ
��� อินซ์ ที่เคยเล่นให้ทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เผยว่า "พอผมดู ยูไนเต็ด แล้วเนี่ย ผมก็รู้สึกว่าพวกเขาแทบจะลอกโมเดลของ ลิเวอร์พูล มาใช้งานเลย ลิเวอร์พูล ได้ตัว เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มาร่วมทัพ ส่วน ยูไนเต็ด ก็ซื้อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้ามา แถมพวกเขา (แมนฯ ยูไนเต็ด) ยังดูเหมือนว่าหันไปใช้แผนที่เลือกใช้งานกองหน้าแบบที่มีความเร็ว 3 คนด้วย ซึ่งคนที่พวกเขาเลือกก็คือ (อ็องโตนี่) มาร์กซิยาล, (เจสซี่) ลินการ์ด และ (มาร์คัส) แรชฟอร์ด"
��� "ผมไม่เห็นเลยว่า (โรเมลู) ลูกากู จะเข้ากับระบบนั้นได้ยังไง ดังนั้นผมเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ โอเล่ ขายเขา แต่การทำอย่างนั้นมันถือเป็นการทำให้นักเตะวัยหนุ่มมีความกดดันในการทำประตูให้ได้มากเป็นพิเศษ เพราะที่จริงแล้ว ลูกากู ถือเป็นตัวจบสกอร์ที่ดี เขาเป็นนักเตะประเภทตัวจบสกอร์ตามธรรมชาติอยู่เสมอ มันก็แค่คุณต้องส่งบอลเข้าไปอยู่ตรงหน้าเขาให้เหมาะสมก็เท่านั้น"