����� อดัม ลัลลาน่า กลายเป็นซูเปอร์ซับหลังยิงประตูแรกในรอบ 29 เดือน ช่วยให้ ลิเวอร์พูล บุกมาแบ่งแต้ม แมนฯยูไนเต็ด 1-1 แม้จะหยุดสถิติชนะรวดไว้แค่ 8 นัดซีซั่นนี้ และรวม 17 นัดนับแต่ซีซั่นก่อน ทว่า "หงส์แดง" ยังยืดสถิติไร้พ่ายในลีกซีซั่นนี้ต่อไป หลังลงแข่ง 9 นัด รั้งจ่าฝูงด้วยการมี 25 คะแนน นำอันดับสอง "เรือใบสีฟ้า" 6 แต้ม ขณะที่ลูกทีมของ โซลชา ชวดโอกาสคว้าชัยหนแรกในรอบ4เกมมีเพิ่มเป็น 10 คะแนน อยู่อันดับ 13
� ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
� วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562
� แมนฯ ยูไนเต็ด 1 - ลิเวอร์พูล 1
�� สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
���� ศึกแดงเดือดหนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มี ดาบิด เด เคอา ยืนเป็นปราการด่านสุดท้ายได้เหมือนเดิม หลังมีอาการเจ็บต้นขามาจากการรับใช้ทีมชาติสเปน แต่ไม่มี ปอล ป็อกบา ที่ข้อเท้ายังเดี้ยงตามคาด ส่วน อารอน วาน-บิสซาก้า ผ่านความฟิตพร้อมลงเล่นทางกราบขวา
���� ด้าน ลิเวอร์พูล ได้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือ 1 กลับมาเฝ้าเสาเป็นนัดแรกตั้งแต่เจ็บน่องระหว่างนัดเปิดฤดูกาลที่ชนะ นอริช ซิตี้ 4-1 เมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ โฌแอล มาติป ก็ฟิตทันหวนคืนแนวรับ แต่ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ที่ยังเจ็บข้อเท้า ทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ได้ลงเล่นในแผงรุกแทน
���� เปิดฉากครึ่งแรกเจ้าบ้านพยายามลำเลียงเกมรุกบุกใส่ แต่กลายเป็น "หงส์แดง" ได้ทักทายก่อน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ไหลให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ลองส่องไกลนอกเขตโทษด้วยเท้าขวาแต่เบาไป เด เคอา รับสบายในนาทีที่ 13
���� ทีมเยือนเริ่มครองบอลบุกต่อเนื่อง แต่ยังหาจังหวะจบไม่ถนัดถนี่ ขณะที่เจ้าถิ่นอาศัยเกมโต้กลับด้วยการวางบอลยาวให้กองหน้า แต่ก็ยังไม่ทะลุแนวรับ ลิเวอร์พูล ที่ยังคงเหนียวแน่น
���� นาทีที่ 25 "ปีศาจแดง" ได้ลุ้น อันเดรียส เปเรยร่า จ่ายให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้ซัดนอกเขตโทษ แต่เบาไป อลิสซอน คว้าไว้ทัน
���� ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลกระชากเข้าหาเขตโทษจากจังหวะโต้กลับในนาทีที่ 34 ก่อนผ่านเข้ากลางให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้ยิงแต่ไม่เต็มเท้า ก็เลยไม่มีปัญหาสำหรับ เด เคอา
���� จนกระทั่งนาทีที่ 36 แมนฯ ยูไนเต็ด สวนเร็ว แดเนียล เจมส์ เปิดให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เข้าฮอสตุงตาข่าย ผู้เล่น ลิเวอร์พูล รุมประท้วง มาร์ติน แอตกินสัน ผู้ตัดสิน ว่า โอริกี้ น่าจะโดน วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ทำฟาวล์ไปก่อนแล้ว ก่อนจะมีการเช็ก วีเออาร์ สุดท้ายยังคงเป่าให้เป็นประตู เจ้าบ้านนำ 1-0
���� ลิเวอร์พูล พลาดลูกตีเสมอไปอย่างน่าเสียดายในนาทีที่ 44 ลินเดเลิฟ พลาดท่าให้ มาเน่ หลุดเข้าไปยิง แต่พอเช็ก วีเออาร์ กลายเป็นบอลโดนแขน มาเน่ ไปก่อนแล้วก็เลยไม่ได้ประตู หมดครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด นำอยู่ 1-0
��� ครึ่งหลัง เกมผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมง นาที 60 ฝั่ง "หงส์แดง" เปลี่ยนตัวคนแรกก่อนเลยส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาเล่นแทน ดิว็อค โอริกี้
��� นาที 67 แฟนผีแดงได้เสียวหลังเกือบได้ลุ้นเม็ดที่สอง จากจังหวะที่ อันเดรียส เปเรยร่า ขวางบอลยาวจากขวามาซ้ายให้ แรชฟอร์ด ให้เอาบอลอย่างเนียนก่อนลากตัดกลางแล้วซัดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งถากเสาแรกออกไป
��� โอกาสยังเป็นของเจ้าถิ่น นาที 73 แอชลี่ย์ ยัง จ่ายยัดเข้ากรอบให้ เปเรยร่า เจตนาจะพลิกบอลแล้วเล่น แต่บอลยาวไปเข้าทาง เฟร็ด วิ่งมาอัดด้วยซ้ายเข้าข้างตาข่ายไป
��� นาที 83 เฟร็ด เกมนี้ขอโชว์อีก หลังรับลูกจ่ายของ อารอน วาน-บิสซาก้า แล้วตั้งป้อมอัดด้วยซ้ายในกรอบทางด้านขวาบอลพุ่งแรงหลุดเสาไกลไปแบบได้ลุ้น
��� ทว่าไม่ถึงสองนาทีต่อมา แฟนหงส์แดงได้เฮลั่น เมื่อทีมเยือนมาไล่ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ บอลจากด้านซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลมาหน้าปากประตูบอลเลย มาร์กอส โรโฮ ถึง อดัม ลัลลาน่า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมายิงด้วยขวาเข้าไปง่ายๆ
��� จบเกม แมนฯยูไนเต็ด พลาดโอกาสคว้าชัยหลังทำได้แค่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 แบ่งแต้มกันไป
���� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
���� แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, มาร์กอส โรโฮ, อารอน วาน-บิสซาก้า, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, แอชลี่ย์ ยัง, อันเดรียส เปเรยร่า (แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ น.94), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.84), แดเนียล เจมส์����
���� ลิเวอร์พูล : อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อดัม ลัลลาน่า น.71),จอร์จินโย่ ไวนัลดุม (นาบี เกอิต้า น.82), ซาดิโอ มาเน่, ดิว็อค โอริกี้ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.60) , โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
���� ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน