������� "หงส์แดง" โชว์ความเขี้ยวสมกับเป็นทีมแชมป์สโมสรโลกหลังบุกไปไล่ถล่ม เลสเตอร์ ซิตี้ ถิงถิ่น 4-0 โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เหมาสองเม็ด ขณะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สุดยอดยิง1จ่ายอีก2 พาทีมยึดหัวตารางเหนียวแน่นมี 52 คะแนน ทิ้ง เลสเตอร์ รองจ่าฝูง 13 คะแนน แถมยังแข่งน้อยอีกหนึ่งเกม ในศึกบ็อกซิ่งเดย์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพฤหัสฯที่ผ่านมา
������ สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
���
��� ศึกบ็อกซิ่ง เดย์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 19 คืนวันพฤหัสบดีที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 เปิดรังทำบิ๊กแมตช์รับมือจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ที่ยังไม่แพ้ทีมใด โดยฟอร์มล่าสุด "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เพิ่งจะบุกไปพ่ายแมนฯซิตี้ 1-3 ขณะที่ "หงส์แดง" เพิ่งจะคว้าแชมป์สโมสรโลกจากประเทศกาตาร์มาหลังทุบ ฟลาเมงโก้ 1-0
��� เปิดฉากมาแค่นาทีแรก กลายเป็น "หงส์แดง" ที่มีลุ้นขึ้นนำก่อน หลัง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซัดด้วยขวาเต็มแรงแม้ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จะรับหลุดมือแต่ตามตะครุบไว้ได้อยู่
��� นาทีที่ 5 จอนนี่ อีแวนส์ เกือบทำพลาดหลังโดนแข้งหงส์เพรสซิ่งเร็วจนโดน ไวนัลดุม ตัดบอลได้ก่อนบอลเลยมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รีบยิงด้วยซ้ายบอลเลยเหินคานโด่งออกไป
��� เจ้าบ้านตอบโต้มาบ้าง แมดดิสัน จ่ายให้ วาร์ดี้ หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนอดีตหอกสิงโตคำรามจะปาดเลียดมาโล่งๆหน้าประตู ดีที่ไม่มีแข้งจิ้งจอกก่อนที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันจะเคลียร์ออกไปหวุดหวิด
��� นาทีที่ 11 แนวรับเลสเตอร์มาเช็กไลน์พลาดอีก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะบอลหลบ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ได้แล้วแต่จังหวะยิงด้วยซ้ายมุมแคบไปเลยเข้าข้างตาข่าย
��� อีก 4 นาทีถัดมา วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ทำพลาดอีกโดนแข้งหงส์ฉกบอลหน้ากรอบก่อนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะได้กดด้วยขวาบอลไปโดนบล็อคเอ็นดิดี้ที่ตามมาแก้ตัวออกหลังไป
��� นาที 31 "หงส์แดง" ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งโยกไปอยู่ทางฝั่งซ้าย เปิดยาวมาเสาไกลให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกบอลลงพื้นเบียดเสาแรกเข้าไป และเป็นประตูที่ 5 ของดาวยิงชาวแซมบ้าในซีซั่นนี้
��� จากนั้นอีก 3 นาทีต่อมา ทีมเยือนเกือบบวกเม็ดที่สองเพิ่มอีก บอลวางยาวมาให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดติดมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
��� จบครึ่งแรก เลสเตอร์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-1 ชนิดที่แข้งเจ้าถิ่นไม่มีโอกาสยิงเลยซักครั้งเดียว
��� ครึ่งหลัง หงส์แดงยังดาหน้าบุกใส่เจ้าถิ่นต่อเนื่อง นาที 56� แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แย่งบอลได้ก่อนครอสมาเสาแรกให้ ฟีร์มีโน่ ซัดด้วยขวาบอลเลยปากประตูไป
��� ถัดมาอีกนาทีเดียว เลสเตอร์ รอดพ้นจากการเสียประตูอีก หลัง โรเบิร์ตสัน เปิดเร็วมาเสาแรกให้ ฟีร์มีโน่ โขกไปติดเซฟชไมเคิ่ล ก่อนซาลาห์จะตามเข้าซ้ำบอลไปชนคาน แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะที่ฟีร์มีโน่ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
��� นาที 61 เจมี่ วาร์ดี้ สปีดพาบอลจากกลางสนามขึ้นมาเองก่อนจะโดน โจ โกเมซ ขวางไว้จนโดนใบเหลือง ก่อนจังหวะฟรีคิกถัดมา แมดดิสัน จะซัดหลุดกรอบออกไป
��� แข้งจิ้งจอกไม่ยอมง่ายๆ นาที 64 ริคาร์โด้ เปเรยร่า เลี้ยงแหวกเข้าไปในกรอบบอลก่อนบอลจะเคลียร์มาเข้าทาง เดนนิส ปราต ที่เก็บแถวสองแล้วตั้งป้อมวอลเลย์สวนตูมเข้าไป ทว่าบอลบอลยังไม่ตรงกรอบอีก
��� เข้าสู่นาทีที่ 70 คล็อปป์ แก้เกมบ้างส่ง ดิว็อค โอริกี และเจมส์ มิลเนอร์ ลงเล่นแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และนาบี เกอิต้า
��� ก่อนอีกนาทีต่อมา แฟนจิ้งจอกต้องเงียบกริบ เมื่อ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เป่าให้จุดโทษแก่ทีมเยือนหลัง คักลา โซยุนซู ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์และยืนยันให้จุดโทษแก่หงส์แดง ก่อนจะเป็น เจมส์ มิลเนอร์ ที่เพิ่งลงมาทำหน้าที่ยิงเข้าไปไม่พลาดให้ ลิเวอร์พูล หนีห่างเจ้าถิ่นเป็น 2-0
��� เกมรับเจ้าถิ่นรวนไม่หาย "หงส์แดง" มาได้ประตูนำโด่ง 3-0 ในนาที 74 บอลจากจังหวะที่ มิลเนอร์ ไหลออกขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสเข้ากลางมาให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จับบอลก่อนยิงด้วยขวาเข้าไปอย่างเยือกเย็น เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้
��� เท่านั้นไม่พอ นาที 78 สกอร์นำห่างเป็น 4-0 บอลจากจังหวะสวนกลับเร็ว ซาดิโอ มาเน่ จ่ายออกขวาให้� เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดเข้าไปตะบันด้วยขวาลอดขา โซยุนชู เสียบเสาสองเข้าไปอย่างเด็ดขาด
��� ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม เลสเตอร์ พ่ายคาบ้านเป็นนัดแรกให้จ่าฝูง ลิเวอร์พูล 0-4 ส่งผลให้ หงส์แดง นำโด่งเป็นจ่าฝูงมีเพิ่มเป็น 52 คะแนน หนีอันดับสองอย่างเลสเตอร์ถึง 13 คะแนน แถมแข่งน้อยกว่า 1 เกม
����� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
������� เลสเตอร์ (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ริคาร์โด้ เปเรยร่า, จอนนี่ อีแวนส์, คักลาร์ โซยุนชู, เบน ชิลเวลล์ - วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ - เดนนิส ปราต (อาโยเซ่ เปเรซ น.72), ยูริ ตีเลอมันส์, เจมส์ แมดดิสัน (ฮัมซ่า เชาดูรี่ น.76), ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (มาร์ค อัลไบรท์ตัน น.58) - เจมี่ วาร์ดี้��
������� ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส��
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - นาบี เกอิต้า (เจมส์ มิลเนอร์ น.70), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อดัม ลัลลาน่า น.82), จอร์จินโย่ ไวนัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ดิว็อค โอริกี้ น.70) , โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่�
������� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
������� ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์