������� ลิเวอร์พูล กลับคืนฟอร์มเทพอีกครั้งหลังโชว์ผลงานขั้นเทพเดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง วัตฟอร์ด ส่งผลให้ "หงส์แดง" ปราบผู้มาเยือน 5-0 ในเกมลีกเมืองผู้ดี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยงานนี้เป็นผลงานของ ซาดิโอ มาเน่ กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คนละสองประตู และอีก 1 ประตูจาก ดิว็อค โอริกี้ ทำให้ตอนนี้พวกเขายังคงรั้งจ่าฝูง โดยมี 69 คะแนนนำ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 อยู่ 1 คะแนนเท่าเดิม
���� สนาม : แอนฟิลด์
��� เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ตัดสินใจดร็อป โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หัวหอกบราซิเลียนในเกมรับมือ วัตฟอร์ด เนื่องจากนักเตะยังฟิตไม่เต็มร้อย แถมสุดสัปดาห์ต้องทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ดวล เอฟเวอร์ตัน ทำให้ คล็อปป์ เลือกพักเจ้าตัวและส่ง ดิว็อค โอริกี้ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
��� ขณะที่ผู้มาเยือนยังคงใช้บริการหัวหอกตัวอันตรายนั่นก็คือ ทรอย ดีนี่ย์ ที่จะประสานงานกับ เคราร์ด เดโลเฟว คอยป่วนเกมรับของ "หงส์แดง" โดยแมตช์นี้เจ้าบ้านต้องพยายามคว้า 3 คะแนนให้ได้ เพื่อรักษาระยะหว่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยึดอันดับจ่าฝูงต่อไป
��� เริ่มเกม ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเขี่ยบอล โดยพวกเขาไล่กดดันทีมเยือนทันที แต่เกมยังไม่มีอะไรน่าหวาดเสียว ขณะเดียวกัน ซาลาห์ ดูเหมือนจะโดนไล่ปะกบติดไม่ให้มีพื้นที่ แต่ในนาที่ที่ 3 "หงส์แดง" มีลุ้นเมื่อ มิลเนอร์ ใช้ความขยันพุ่งไปสกัดบอลในจังหวะที่ ฟอสเตอร์ เตะออกมา แต่เดชะบุญที่บอลลอยสูงแบบไม่มีน้ำหนักทำให้นายด่านวัตฟอร์ดรับได้สบายๆ
��� ช่วง 5 นาทีแรกเกมยังคงเป็นของ ลิเวอร์พูล แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขณะที่ "แตนอาละวาด" พยายามไล่กดดัน และหาจังหวะสวนกลับตลอด เข้าสู่นาทีที่ 7 ฟาบินโญ่ โดนทำฟาวล์ระยะเกือบ 30 หลา และ มิลเนอร์ ขัดอาสาเปิดแต่ไม่มีอะไรน่าหวาดเสียว
��� ในที่สุดความพยายามของ ลิเวอร์พูล ก็เป็นผลโดยในนาที่ที่ 9 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดจากทางกราบขวา และ ซาดิโอ มาเน่ กระโดดโหม่งโล่งๆ บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างงดงาม ส่ง "หงส์แดง" ขึ้นนำ 1-0
��� หลังจากนั้น วัตฟอร์ด พยายามเปิดเกมบุกหวังเอาประตูคืน และมีโอกาสทะลุมาถึงกรอบเขตโทษ แต่แนวรับเจ้าบ้านสกัดออกไปได้ทำให้ได้แค่ลูกเตะมุม และในจังหวะนี้ วัตฟอร์ด เสียบอลทำให้ ลิเวอร์พูล สวนกลับ โดย โอริกี้ ทิ่มบอลให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปเปิดบอลแต่ติด ฮิวจ์ส และได้เตะมุม แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
��� ลิเวอร์พูล ยังเดินเครื่องต่อเพื่อหวังทำประตูเพิ่ม โดยนาทีที่ 14 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนล์ มีโอกาสเปิดบอลริมเส้น แต่ไม่ผ่านมือ ฟอสเตอร์ หลังจากนั้นเจ้าบ้านได้เสียวอีกในนาทีที่ 16 ซาลาห์ ทิ่มบอลให้ เจ้าหนูเทรนท์ ที่เติมเกมเข้ามาในเขตโทษ และพยายามส่งบอลแต่ไปติด เคร็ก แคธคาร์ต ก่อนจะชน ฟอสเตอร์ ทำให้บอลออกหลังไป
��� ผ่านไป 20 นาที ลิเวอร์พูล� ได้ประตูขึ้นนำ 2-0 เมื่อ ซาลาห์ ลากตะลุยเข้ามาในเขตโทษ แต่โดนพัวพันจนต้องส่งให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งส่งต่อให้ "เจ้าหนูเทรนท์" เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ มาเน่ ที่หลุดกับดักล้ำหน้า แต่เจ้าตัวจับบอลยาวเกินไป แถมหันหลังให้ประตู แต่ด้วยไหวพริบทำให้แข้งเซเนกัล ตัดสินใจตอกลูกส้นระยะ 15 หลาส่งบอลซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม
��� วัตฟอร์ด พยายามจะทวงคืน แต่การเล่นยังขาดๆ เกินๆ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เล่นตามจังหวะคอยสวนกลับอย่างต่อเนื่อง โดยในนาทีที่ 27 ซาลาห์ ได้บอลทางริมฝั่งซ้าย และเลี้ยงตัดเข้าในก่อนจะตะบันเต็มข้อบริเวณกรอบเขตโทษ แต่ ฟอสเตอร์ รับติดมือสบายอุรา อีก 3 นาทีต่อมา อาร์โนลด์ มีโอกาสเปิดบอลเข้าไปในที่หน้าประตูแต่บอลผ่านหน้า มาเน่ กับ ซาลาห์ ไปอย่างน่าเสียดาย
��� ผ่านมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ วัตฟอร์ด ยังไม่สามารถขู่เกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้เลย ขณะที่ ฟาบินโญ่สามารถคุมเกมแดนกลาง และมีจังหวะเข้าสกัดสวยๆ หลายครั้ง โดย "หงส์แดง" ยังคงสร้างความปั่นป่วนทีมเยือนตลอด กระนั้นก็มีบางจังหวะที่ ลิเวอร์พูล เล่นพลาดทำให้ วัตฟอร์ด ได้สวนกลับมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเกมรับเจ้าบ้านได้
��� เข้าสู่นาทีที่ 36 อาร์โนลด์ เปิดยาวให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปในเขตโทษและยิงไปติด ฟอสเตอร์ แต่บอลชนเสากระเด็นเข้าทาง มาเน่ แต่ทำอะไรไม่ได้ และในจังหวะต่อเนื่อง มิลเนอร์ ได้เลี้ยงหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่โดนแนวรับทีมเยือนสกัดบอลมาเข้าทาง โอริกี้ ที่ส่งคืนให้ ฟาบินโญ่ ตะบัน 25 หลาบอลลอยออกไปแบบมีลุ้น
��� ในนาทีที่ 40 วัตฟอร์ดมีโอกาสดีที่จะได้ประตูตีไข่แตกเมื่อ ดีนี่ย์ เปิดบอลเลียดเข้าไปในเขตโทษแต่ มาติป สกัดทิ้งไปได้ทัน อีกสองนาทีต่อมาทีมเยือนมีลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เคราร์ด เดโลเฟว ได้บอลในเขตโทษ และส่งบอลเลียดให้ ดีนี่ย์ ที่วิ่งฉีกหนี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แต่น่าเสียได้ที่ดันจับบอลทะลักออกไป
��� เข้าสู่นาทีที่ 43 เป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่สร้างโอกาสทำประตูอีกครั้งเมื่อ โอริกี้ ส่งบอลให้ ซาลาห์ ซึ่งรีบส่งต่อให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วิ่งทะลุเข้ามาในเขตโทษ และมีโอกาสเปิดบอลเข้าไปที่หน้าประตู แต่น่าเสียดายที่บอลผ่านหน้า มาเน่ ไปแค่ไม่กี่หลา เกมนี้ท่านเปาทดเจ็บแค่ 1 นาที และไม่มีอะไรเกิดขึ้นจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ 2-0
��� เข้าสู่ครึ่งหลัง วัตฟอร์ด� พยายามกดดันเจ้าบ้าน แต่ยังทำอะไรไม่ได้ และ ลิเวอร์พูล มีโอกาสสวนกลับเมื่อ ซาลาห์ ได้บอลและเลี้ยงไปที่กรอบเขตโทษ ก่อนส่งให้ อาร์โนลด์ ซึ่งดันเปิดบอลโด่งไปหน่อยทำให้ มาเน่ พลาดโอกาสทำประตู จากนั้นในนาทีที่ 49 โอริกี้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง และ โรเบิร์ตสัน วิ่งแตะบอลแต่น่าเสียดายที่บอลผ่านหน้าประตูไป
��� อีกหนึ่งนาทีถัดมา โอริกี้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายข้ามให้มาให้ ซาลาห์ ที่ยืนอยู่ฝั่งขวา และ ดาวเตะอียิปต์กระชากบอลไปจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลาง แต่ ฟอสเตอร์ มือไวปัดออกหลังได้ทัน เข้าสู่นาทีที่ 52 วัตฟอร์ด มีโอกาสเมื่อ เดเลโฟว โชว์ความเร็วเลี้ยงบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปในเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเพื่อนเข้ามาช่วยทำให้พลาดโอกาสทองไป
��� นาทีที่ 55 วัตฟอร์ด ได้จังหวะฟรีคิกโดยเปิดเข้าไปในเขตโทษ และ มาติป สกัดไม่ขาดไปเข้าทาง แคธคาร์ต และตะบันเต็มข้อแต่บอลไปติด อาร์โนลด์ ออกหลังไปอย่างหวุดหวิด อีก 4 นาทีถัดมา โรเบิร์ตสัน มีโอกาสกระชากบอลจากแดนหลัง และส่งให้ โอริกี้ ที่ซัดหน้ากรอบเขตโทษสองครั้งแต่ติดแนวรับคู่แข่งหมด
��� ลิเวอร์พูล ยังคงครองเกมและสร้างความหวาดเสียวได้อย่างต่อเนื่อง� และในนาทีที่ 63 จากการประสานงานกันระหว่าง มาเน่ ส่งให้ โอริกี้ ที่คืนกลับให้ มาเน่ ซึ่งกลับตัว 360 องศายิงประตูแต่ติดแนวรับวัตฟอร์ดบอลลอยข้ามคานออกไป ถัดมาไม่กี่นาที ไวจ์นัลดุม มีโอกาสส่องหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลเข้าซอง ฟอสเตอร์ สบายๆ
��� เข้าสู่นาทีที่ 66 ลิเวอร์พูล ได้ครองเกม และ มิลเนอร์ ส่งบอลให้ โรเบิร์ตสัน จากนั้นก็ส่งต่อไปยัง โอริกี้ และ ดาวยิงชาวเบลเยียม พยายามเลี้ยงบอลเข้ามาในระยะทำการก่อนตะบันเต็มเท้าบอลพุ่งเสียบเสาแรกอย่างเฉียบคม ส่ง "หงส์แดง" นำ 3-0
��� วัตฟอร์ด พยายามจะทำประตูให้ได้ โดยในนาทีที่ 68 ดีนี่ย์ ลองส่องไกล แต่บอลออกเสาไปแบบไม่มีลุ้น� จากนั้นในนาทีที่ 69 คล็อปป์ มีการเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน มิลเนอร์ ต่อมาในนาทีที่ 73 วัตฟอร์ด เปลี่ยนสองคนโดยส่ง� ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ แทน เคราร์ด เดโลเฟว และ� อังเดร เกรย์� แทน ดีนี่ย์�
��� จากนั้นไม่นาน วัตฟอร์ด สร้างความหวาดเสียวเมื่อ เกรย์ ที่เพิ่งลงสนามมาได้ไม่กี่นาที่มีโอกาสได้ซัดบริเวณมุมขวาประตู แต่ อลิสซอน ปัดได้อย่างหวุดหวิด จากนั้น "แตนอาละวาด" ยังพยายามบุกต่อและมาได้ฟรีคิกที่กรอบเขตโทษฝั่งขวา จากนั้นเปิดเข้ากลาง แต่แนวรับลิเวอร์พูลตัดบอลไม่ขาด และ อดัม มาซิน่า� โหม่งสวนกลับเข้าไปตรงกลาง โดย เกรย์� หลุดกับดักล้ำหน้ำ และตะบันเต็มข้อแต่บอลโดนแขน อลิสซอน ข้ามคาน
��� เข้าสู่นาทีที่ 78 ลัลลาน่า ลงมาแทน มาเน่ และอีกนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิก และเป็น อาร์โนลด์ อีกแล้วที่เปิดบอลอย่างแม่นยำเข้าหัว ฟาน ไดค์ ช่วยให้ "เดอะ เร้ดส์" นำห่าง 4-0
��� ลิเวอร์พูล ยังเดินเกมราว "เครื่องจักรสีแดง"� และ โรเบิร์ตสัน โชว์การเปิดบอลอย่างแม่นยำให้ ฟาน ไดค์ โขกเต็มหัว ส่งทีมนำ 5-0 จากนั้น คล็อปป์ จัดการส่ง นาบี เกอิต้า ลงมาแทน ไวจ์นัลดุม ในนาทีที่ 84 โดยในช่วงเวลาที่เหลือ "เดอะ เร้ดส์" เล่นแบบประครองตัว ก่อนที่ท่านเปาจะเป่านกหวีดยาวหมดเวลา ส่งให้เกมนี้เจ้าบ้านถล่ม วัตฟอร์ด ยับ 5-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
��� ลิเวอร์พูล� (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (นาบี เกอิต้า น.84), เจมส์ มิลเนอร์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.70), ซาดิโอ มาเน่ (อดัม ลัลลาน่า น.78)โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิว็อค โอริกี้
ตัวสำรอง : ซิมง มิโญเลต์, นาบี เกอิต้า,� จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, อดัม ลัลลาน่า, เซอร์ดาน ชากีรี่, ราฟาเอล กามาโช่
� ผู้จัดการทีม� : เจอร์เก้น คล็อปป์
� วัตฟอร์ด (4-4-2) : เบน ฟอสเตอร์, ดาริล ยานมัต, อาเดรียน มาริอัปป้า, เคร็ก แคธคาร์ต, อดัม มาซิน่า , เอเตียน กาปู,� วิลล์ ฮิวจ์ส, อับดูลาย ดูกูเร่, โรเบอร์โต้ เปเรยร่า (เคน เซม่า น.84), เคราร์ด เดโลเฟว ( ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ น.73) ,� ทรอย ดีนี่ย์ (อังเดร เกรย์ น.73)
ตัวสำรอง : เอเรลโญ่ โกเมส , ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, เคน เซม่า, อังเดร เกรย์, โดมินกอส ควีน่า, มาร์ค นาบาร์โร่ , คริสเตียน กาบาเซเล่
�
�� ผู้จัดการทีม� : ฆาบี กราเซีย