������� ลิเวอร์พูล เดินหน้าคว้าชัยเป็นนัดที่ 25 ในลีกหลังเร่งเครื่องช่วงครึ่งหลังก่อนบุกอัด นอริช แบบหวุดหวิด 1-0 และเป็น ซาดิโอ มาเน่ ที่เป็นฮีโร่ซัดประตูชัย พาทีมทำสถิติไร้พ่ายนัดที่ 43 พร้อมทั้งยังทิ้ง "เรือใบสีฟ้า" เป็น 25 คะแนน และขอชนะอีก 5 เกมเท่านั้นจะฉลองแชมป์ลีกทันที ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
������� สนาม : แคร์โรว์ โร้ด
��� เกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 26 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รองบ๊วยของลีก นอริช รับการมาเยือนของ จ่าฝูง ลิเวอร์พูล ที่ยังไร้พ่ายเกมนี้หากบุกมาคว้าสามแต้มจะนำ "เรือใบสีฟ้า" 25 คะแนนทันที
��� นอริช ฝากความหวังล่าตาข่ายไว้ที่ ตีมู ปุ๊กกี้ ส่วนอาคันตุกะลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนผู้เล่นจากชุดเก่งแค่ 2 ตำแหน่ง นาบี เกอิต้า และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงตัวจริงส่วน ซาดิโอ มาเน่ หายเจ็บกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง
��� ออกสตาร์ทเกมมาได้ไม่ถึงนาที "หงส์แดง" ทักทายก่อนเลย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไหลออกขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตั้งป้อมซัดไกลแต่บอลหลุดกรอบออกไปเยอะ
��� อีก 6 นาทีต่อมา หงส์แดงได้โอกาสยิงเข้ากรอบหนแรก หลังบอลปลิ้นมาเข้าทาง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แต่บอลเบาไปเข้ามือ ทิม ครูล
��� เข้าสู่นาทีที่ 26 เจ้าถิ่น นอริช ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลัง แซม ไบแรม แบ็กซ้ายมีอาการเจ็บที่กล้ามเนื้อเล่นต่อไม่ไหลก่อนจะส่ง จามาล ลูอิส ลงเล่นแทน
��� นาที 35 เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นขึ้นนำ หลังบอลยาวไดเร็กมาให้ ลูคัส รุปป์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลกับอลิสซอน ก่อนจะเลือกจ่ายสั่นให้ ปุ๊กกี้ ที่เติมขึ้นมาแต่นายด่านหงส์แดงยังเร็วใช้มือปัดบอลก่อนถึงเท้าปุ๊กกี้ไว้ได้
��� ช่วงทดเจ็บหงส์แดงได้ลุ้นอีกที นาที 45+1จากลูกเตะมุม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แต่บอลหลุดกรอบออกไป
��� จบครึ่งแรก นอริช ยังเสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0
���
��� ครึ่งหลัง นาที 52 เจ้าถิ่นแก้เกมมาดี มีโอกาสลุ้นประตูเช่นกันหลัง ท็อดด์ แคนท์เวลล์ เบียดเข้าไปก่อนสับไกซัดมุมแคบบอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย
��� นาที 57 หงส์แดงได้โอกาสส่องเข้ากรอบเป็นครั้งที่ 2 หลัง นาบี เกอิต้า ซัดไกลบอลพุ่งแรงแต่ยังไปตรงตัว ทิม ครูล ปัดออกหลัง
��� อีกสองนาทีถัดมาทีมเยือนพลาดได้ประตูอีก ซาลาห์ หวดด้วยซ้ายในกรอบ ทิม ครูล พุ่งปัด ก่อนจะโดน นาบี เกอิต้า ตามไปซ้ำแต่ก็ยังไม่ผ่านทิม ครูล ที่โชว์ซูเปอร์เซฟได้อย่างเหลือเชื่อ
��� เกมผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมง เจอร์เก้น คล็อปป เปลี่ยนรวดเดียวสองคนส่ง ซาดิโอ มาเน่ และฟาบินโญ่ ลงไปเล่นแทน จอร์จินโย่ ไวนัลดุม และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
��� นาที 72 แฟนนอริชเกือบได้เฮ หลังบอลสวนกลับ ท็อดด์ แคนท์เวลล์ จ่ายเข้ากลางมาให้ อเล็กซานเดอร์ เท็ตเตย์ หวดด้วยขวาเต็มแรงบอลพุ่งติดไซด์ก้อยไปชนเสา ชนิดที่เกือบทำให้ อลิสซอน เสียท่า
��� แต่กลายเป็น "หงส์แดง" ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ บอลวางยาวของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เข้าไปในกรอบให้ ซาดิโอ มาเน่ เบียด แกรนท์ แฮนลี่ย์ ก่อนดูดบอลลงก่อนหมุนตัวยิงด้วยซ้ายเบียดเสาแรกเข้าไป
��� ท้ายเกม ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังครองเกมได้เหนือกว่า แม้จะยิงเพิ่มไม่ได้แต่รักษาสกอร์จนจบเกม ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ นอริช หวุดหวิด 1-0 คว้าสามแต้มพร้อมรั้งจ่าฝูงยาวๆโดยทิ้งอันดับ 2 แมนฯซิตี้ ไปไกลถึง 25 คะแนน แม้จะแข่งมากกว่า 1 เกมก็ตาม
������� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
�������
������� นอริช ซิตี้ (4-2-3-1) : ทิม ครูล - แม็กซ์ อารอนส์, คริสโตฟ ซิมเมอร์มันน์, แกรนท์ แฮนลี่ย์ ,แซม ไบแรม (จามาล ลูอิส น.26) - อเล็กซานเดอร์ เท็ตเตย์ (โยซิป เดอร์มิช น.84), เคนนี่ แม็คลีน - ลูคัส รุปป์ (เอมิเลียโน่ บวนเดีย น.83), ออนเดรจ์ ดูด้า,� ท็อดด์ แคนท์เวลล์ - ตีมู ปุ๊กกี้
������� ผู้จัดการทีม : ดาเนี่ยล ฟาร์เค่�
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - นาบี เกอิต้า (เจมส์ มิลเนอร์ น.84), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม (ฟาบินโญ่ น.60) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (ซาดิโอ มาเน่ น.60)
������� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
������� ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์
�