�������� ริทชี่ พาทริดจ์ อดีตนักกายภาพบำบัด สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เปิดเผยว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทัพ หงส์แดง มีส่วนสำคัญกับทีมแพทย์รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บของนักเตะ
�������� พาทริดจ์ ผู้แยกทางกับ เร้ดแมชีน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหลังจากรับใช้ ลิเวอร์พูล มาเป็นเวลา 4 ปีก่อนที่เขาจะรับงานกับทีมชาติ กาตาร์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับ ทอล์คสปอร์ต ระบุว่า "คุณอย่าประเมินความสำคัญในบทบาทผู้จัดการทีมกับเรื่องการดูแลนักเตะของสโมสรต่ำจนเกินไป โดยเฉพาะกับ ลิเวอร์พูล"
�������� "ลิเวอร์พูล จะคอยเฝ้าติดตามทุกอย่าง นักเตะทุกคนมีความแตกต่างกัน เราได้ตามดูตั้งแต่พวกเขาใช้เวลานอนเท่าไหร่ คุณภาพของการนอน สภาพความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ ทุกจังหวะเร่งความเร็วในการวิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ เรียกได้ว่าแทบจะทุกอย่างที่พวกเขาทำ"
�������� "แต่สิ่งที่เป็นผลดีกับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ อาจเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน และนั่นขึ้นอยู่กับทีมงานวิทยาศาสตร์การกีฬารวมทั้งทีมงานบริหารที่จะวางโปรแกรมให้เหมาะสมกับนักเตะแต่ละคน"
�������� "นักเตะอย่าง ฟาน ไดค์ โดยธรรมชาติจะมีจำนวนครั้งที่สปรินท์ในสนามน้อยกว่ากองหลังทั่วไปเพราะเขาสามารถอ่านเกมได้ดีจนทำให้น้อยครั้งที่เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึงเครียด แต่ในขณะเดียวกัน ซาดิโอ มาเน สปรินท์มากกว่านั้น 4 เท่าตัว และนั่นหมายความว่าอาจทำให้เขาเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บมากกว่าปกติ"
�������� "คุณอาจที่จะวางโปรแกรมฟื้นฟูสภาพร่างกายแตกต่างกันออกไปกันนักเตะอายุ 18 ปีในทีมชุดใหญ่ที่อาจจะไม่ลงสนามต่อเนื่อง แต่กับบรรดาแข้งซีเนียร์พวกเขาพร้อมที่จะฝืนเจ็บลงเล่นโดยเฉพาะกับเกมใหญ่ๆ ความต้องการดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเป็นแข้งระดับท็อป พวกเขาอุทิศตนเพื่อทีม และนั่นนับว่าเป็นงานยากสำหรับเราที่จะวางแผนการป้องกันอาการบาดเจ็บของพวกเขา"