�� ริชาร์ลิซอน กองหน้าชาวบราซิเลียนของ เอฟเวอร์ตัน สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าตนพูดกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลัง ลิเวอร์พูล ในเชิงพยายามยั่วอีกฝ่ายเพื่อตั้งใจที่จะถ่วงเวลา ในตอนที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากันในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปี 2018
��� ริชาร์ลิซอน มักจะถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์กับ ฟาน ไดค์ โดยไม่นานมานี้เขาถึงขั้นเคยบอกว่าดาวเตะชาวดัตช์ไม่ใช่กองหลังที่เก่งที่สุดในโลกด้วยซ้ำ เพราะยังเป็นรอง เซร์คิโอ รามอส, ติอาโก้ ซิลวา และ มาร์กินญอส อยู่ ขณะที่ในเกมเมื่อปี 2018 มันมีช่วงหนึ่งที่ ริชาร์ลิซอน กับ ฟาน ไดค์ ยืนต่อปากต่อคำกันด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด ยังดีที่มันไม่บานปลายมากไปกว่านั้น
��� ดาวเตะเลือดแซมบ้าให้สัมภาษณ์กับ โกลโบ้ เอสปอร์เต้ สื่อกีฬาชื่อดังของบ้านเกิดว่า "แน่นอนว่าผมไม่มีวันยอมอ่อนข้อง่ายๆ ระหว่างเกมมันมีการเถียงกันซึ่งสุดท้ายมันก็กลายเป็นการทำให้บรรยากาศมันดุเดือด ผมยังหาเรื่องทะเลาะเพื่อที่จะถ่วงเวลาด้วย และนักเตะ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ โจ โกเมซ พยายามที่จะเข้ามามีเอี่ยว"
��� "มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย (หมายถึงการพยายามหาเรื่องเพื่อถ่วงเวลาเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ) การทะเละากันในครั้งนั้นทำให้เราถ่วงเวลาไปได้ตั้ง 5 นาที ซึ่งเป็นผลดีต่อทีม ผมพูดเป็นภาษาโปรตุกีสใส่เขา (ฟาน ไดค์) ไปด้วยซ้ำว่า -แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกันวะ ?- พวกเขาปกป้องทีมของพวกเขา ส่วนเราก็ปกป้องทีมของเรา มันเป็นเกมดาร์บี้แมตช์ตามปกติ"
��� ทั้งนี้ ตอนที่ ริชาร์ลิซอน มีปากเสียงกับ ฟาน ไดค์ นั้น สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะได้ประตูชัยจาก ดิว็อค โอริกี้ ในนาทีที่ 6 ของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ