��������� ซาดิโอ มาเน่ กลายเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ทำประตูในนัดเยือนถ้วยใหญ่ยุโรปได้มากที่สุด หลังจากซัดเบิ้ลมาทีมบุกชนะบาเยิร์น มิวนิค เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
��������� เกมที่อัลลิอันซ์ อารีน่า "หงส์แดง" ได้มาเน่ยิงสองลูกบวกกับลูกโขกเตะมุมของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำให้พวกเขาบุกชนะ 3-1 เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยสกอร์นั้น
��������� ประตูเปิดหัวและปิดท้ายของมาเน่ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ยิงเกมเยือนในถ้วยใหญ่ยุโรปมากที่สุดของสโมสร 7 ประตู แซงหน้า สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่ทำได้คนละ 6 ประตู
��������� มาเน่ยิงในแชมเปี้ยนส์ ลีกได้แล้ว 13 ประตู และในจำนวนนั้นเป็นการยิงในรอบน็อคเอาท์ถึง 9 ประตู(69%) เรียกได้ว่าถ้าเป็นเกมใหญ่ขอให้บอก
��������� สถิติอื่นที่น่าสนใจในเกมลิเวอร์พูลบุกทุบบาเยิร์น
��������� นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ไม่มีผู้เล่นคนไหนทำแอสซิสต์ได้มากกว่าเจมส์ มิลเนอร์ โดยเขาทำเพิ่มเป็น 10 ครั้งหลังจากเปิดเตะมุมให้ฟาน ไดจ์คโขก
��������� มาติป ทำเข้าประตูตัวเองในเกมนี้ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนที่ 4 ของลิเวอร์พูลที่ยิงตัวเองในแชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อจากซามี่ ฮูเปีย (2007), ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ (2008) และ เจมส์ มิลเนอร์ (2018)
��������� ฟาน ไดจ์ค์ นอกจากจะโขกแล้วยังวางแอสซิสต์ให้มาเน่ทำประตูแรกด้วย ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนแรกที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเยือนแชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เคร็ก เบลลามี่ ทำได้เมื่อปี 2007 ที่พวกเขาบุกอัดบาร์เซโลน่า 2-1
��������� ฟาน ไดจ์ ทำประตูแรกของเขาได้ในการลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 19
��������� ฟาน ไดจ์ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูล 3 ประตูจาก 4 นัดหลัง ซึ่งมากกว่าที่ทำได้จากการลงเล่น 55 นัดแรก
��������� มานูเอล นอยเออร์ ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ครบ 100 นัด ซึ่งทำให้เขาเป็นคนที่ 38 ในประวัติศาสตร์ และเป็นผู้รักษษประตูรายที่ 6 ต่อจากอิเคร์ กาซิญาส, จานลุยจิ บุฟฟ่อน, ปีเตอร์ เช็ค, วิคตอร์ บัลเดส และ โอลิเวอร์ คาห์น
��������� ทั้งสองนัดที่เจอกันบาเยิร์นยิงตรงกรอบเพียง 2 ครั้ง และหนึ่งประตูที่ได้นั้นเกิดจากการยิงเข้าประตูตัวเองของลิเวอร์พูล