������� ลิเวอร์พูล ทวงจ่าฝูงคืนจากเลสเตอร์ไม่สำเร็จ หลังแค่บุกไปเสมอกับ แมนฯซิตี้ 1-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดจุดโทษให้ "หงส์แดง" นำก่อนที่ กาเบรียล เชซุส จะมาซัดตีเสมอ แบ่งแต้มกันไป ซึ่งเกมนี้ เควิน เดอ บรอยน์ ซัดจุดโทษพลาด ขณะที่ข่าวร้ายของลิเวอร์พูลต้องมาเสีย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่บาดเจ็บ
������ สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
��� "บิ๊กแมตช์" พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าถิ่น "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 12 เปิดบ้านรับมือแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ที่หล่นมาอยู่อันดับ 4 ซึ่งก่อนเกมโดน "จิ้งจอกสยาม" แซงขึ้นนำเป็นจ่าฝูงไปก่อน หากเกมนี้� "หงส์แดง" บุกมาคว้าชัยจะแซงทั้ง เซาธ์แฮมป์ตัน, สเปอร์ส และเลสเตอร์ ซิตี้ กลับไปนั่งจ่าฝูงเหมือนเดิม
��� เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกมนี้ได้ กาเบรียล เชซุส กลับมายืนเป็นหน้าเป้าโดยมี ราฮีม สเตอร์ลิง และเฟร์ราน ตอร์เรส ทำเกมริมเส้น ขณะที่ฝั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่งตัวรุกเต็มสูบ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หน้าเป้า และให้ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และดีโอโก้โชต้า ปั้นเกมสนับสนุน
��� เปิดฉากมาแค่นาทีแรก "หงส์แดง" เกือบได้ลุ้นเลยหลัง เทรนท์ อาร์โนลด์ เปิดยาวให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะบอลหลบ เอแดร์ซอน แต่บอลไปแฉลบนายด่านชาวบราซิเลี่ยนก่อนออกหลังไปก่อน
��� นาที 12 ไคล์ วอล์คเกอร์ ไปฟาวล์กระแทกใส่ ซาดิโอ มาเน่ ในเขตโทษอย่างชัดเจน ผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน เป่าเป็นจุดโทษทันทีโดยไม่ต้องใช้วีเออาร์ ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะซัดเข้าไปไม่พลาดให้ ลิเวอร์พูล บุกมานำ "เรือใบ" 1-0 และเป็นประตูที่ 8 ของสตาร์ทีมชาติอียิปต์นำดาวซัลโวร่วมกับ ซน ฮึง-มิน, เจมี่ วาร์ดี้, และโดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน
��� นาที 25 "เรือใบสีฟ้า" พลาดโอกาสตีเสมออย่างน่าเสียดายหลัง เควิน เดอ บรอยน์ ครอสบอลผ่านหน้าปากประตูถึง ราฮีม สเตอร์ลิง แต่งบอลซัดไปติด อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก่อนจังหวะสุดท้ายโดน โฌเอล มาติป เคลียร์ออกไป
��� แต่แล้ว นาที 31 แมนฯซิตี้ มาไล่ตีเสมอ "หงส์แดง" 1-1 สำเร็จ บอลจาก ไคล์ วอล์คเกอร์ แทงเข้ากลางให้� เควิน เดอ บรอยน์ ก่อนจ่ายเข้ากรอบให้ กาเบรียล เชซุส พลิกบอลหลบ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เข้าไปจิ้มบอลผ่านมือ เอแดร์ซอน
��� อีกนาทีต่อมา เจ้าบ้านเกือบแซงขึ้นนำ อิลคาย กุนโดกัน จ่ายเข้ากลางให้ เทรนท์ เควิน เดอ บรอยน์ ตั้งป้อมซัดด้วยขวานอกกรอบเต็มแรงบอลพุ่งเฉียดเสาออกไปแบบได้เสียว
��� นาที 40 เควิน เดอ บรอยน์ ครอสบอลจากด้านข้างไปติด โจ โกเมซ ในเขตโทษ ซึ่งแข้งเรือใบต่างวิ่งมาประท้วง เคร็ก พาวสัน ว่าโดนแขนโกเมซ ก่อนผู้ตัดสินจะวิ่งไปดูจอ VAR ข้างสนามแล้วกลับมาชี้ให้จุดโทษแต่เจ้าถิ่น ทว่า เควิน เดอ บรอยน์ ดันยิงพลาดซัดด้วยขวาส่งบอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย สกอร์ยังเสมอกัน 1-1
��� เกมยังแลกกันสนุก นาที 44 ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบก่อนไหลให้ ซาลาห์ แล้วจ่ายสั้นให้ เทรนท์ วิ่งอ้อมหลังเข้าไปซัดด้วยขวามุมแคบ บอลพุ่งไปติดเซฟ เอแดร์ซอน แม้จะทำหลุดแต่ยังตามไปตะครุบไว้ได้ทัน
��� จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1
��� กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง แค่เปิดฉากมาก็แลกกันสนุก นาที 48 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน พยายามครอสไปหน้าปากประตูบอลเกือบถึง ฟีร์มีโน่ แต่เอแดร์ซอนออกมาตัดรับไว้ได้ และจากบอลสวนกลับของ "ซิตี้" บอลขึ้นมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ ครอสแรงไปหน้าประตูจะถึง กาเบรียล เชซุส อยู่แล้วแต่โดน อลีสซง ออกมาตัดบอลได้เช่นกัน
��� นาที 50 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปั่นบอลด้วยซ้ายหน้ากรอบบอลแฉลบจน เอแดร์ซอน ต้องออกมาทุบ ก่อนจะไปเข้าทาง ดีโอโก้ โชต้า ในเขตโทษ แต่งบอลแล้วซัดด้วยซ้ายแต่ยิงไม่ดีบอลเบาไปเข้ามือ เอแดร์ซอน อีกครั้ง
��� นาที 55 โอกาสของ "เรือใบ" บ้าง คราวนี้ เฟร์ราน ตอร์เรส ตักบอลข้ามแนวรับให้ กาเบรียล เชซุส วิ่งสอดเข้ามาเทกตัวโขกเหน่งๆ แต่โหม่งบอลถากเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย
��� นาที 59 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่ ลงไปเล่นแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก่อนอีกสองนาทีถัดมา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แก้เกมบ้างส่ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไปเล่นแทน เฟร์ราน ตอร์เรส
��� นาที 62 ข่าวร้ายของ "หงส์แดง" เมื่อต้องเสีย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงเล่นแทน
��� ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมหาโอกาสเข้าทำค่อนข้างยาก ขณะที่ฝนกก็ยังตกไม่มีหยุด ก่อนจบเกมกินกันไม่ลง แมนฯ ซิตี้ เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 แบ่งแต้มกันไป ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" มีแต้มเพิ่มเป็น 12 คะแนนจากการเล่นแค่ 7 นัด รั้งอันดับ 11 ส่วน "หงส์แดง" แซงนักบุญขึ้นมารั้งอันดับ 3 มี 17 คะแนนเท่ากับ สเปอร์ส แต่ลูกได้เสียเป็นรอง โดยตามหลังจ่าฝูง เลสเตอร์ ซิตี้ แค่คะแนนเดียว
������ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
������� แมนฯซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมอริก ลาป๊อร์ก, ชูเอา กันเซโล่ - เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน - ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส, เฟร์ราน ตอร์เรส (แบร์นาร์โด้ ซิลวา น.61)
������� ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
������� ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.63), โฌเอล มาติ๊ป, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม - ดีโอโก้ โชต้า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ - โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.59)
������� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
������� ผู้ตัดสิน : เคร็ก พาวสัน